Browse Tag: ลดไขมัน

7 ประโยชน์สุดยอดจากแอปเปิ้ลเขียว

green-apple-1
Source: Flickr (click image for link)

วันนี้มาถึงคิวของผลไม้ที่เราเรียกว่า แอปเปิ้ล กันค่ะ แต่วันนี้จะเป็นแอปเปิ้ลสีเขียวค่ะ จากโพสที่แล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์ของแอปเปิ้ลสีแดง และด้วยประโยชน์ที่มีมากมายจากแอปเปิ้ลสีแดงอีกทั้งส่วนข้อมูลของแอปเปิ้ลเขียววันนี้ก็มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการที่ดีไม่แตกต่างกันเลยค่ะ อย่างไรก็ดีขึ้นชื่อว่าแอปเปิ้ลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสีไหนประโยชน์และคุณค่าก็ไม่ได้แพ้กันเลยทีเดียวค่ะ และหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และก็เพื่อทำให้ทุกๆคนได้ทราบกันว่าแอปเปิ้ลแต่ละสีนั้นเป็นอย่างไร มีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันอย่างไรบ้างและมีอย่างไหนที่มีความโดดเด่นจากผลไม้อื่นๆหรือเปล่า ข้อมูลที่กีเหล่านี้รวมถึงสิ่งดีๆเราก็อยากเอามาแชร์และแบ่งปันเผื่อใครที่กำลังเลือกหนทางรักษาสุขภาพโดยการเลือกรับประทานอาหารหรืออยากให้ร่างกายได้รับแต่สิ่งดีๆ เราก็ขอให้ข้อมูลของเราสามารถช่วยคุณได้บ้างนะคะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปพบและเข้าใจกับข้อมูลที่เกี่ยวกับประโยชน์ต่างๆ ของแอปเปิ้ลเขียวกันให้มากขึ้นกันเลยดีกว่าค่ะ

 

 

7 ประโยชน์สุดยอดที่คุณควรเลือกกินแอปเปิ้ลเขียว

green-apple-2
Source: Flickr (click image for link)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1.ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

ปฎิเสธไม่ได้เลยที่จะยกให้เป็นผลประโยชน์ข้อแรกของแอปเปิ้ลเขียวค่ะ จากข้อมูลของ USDA Nutrient database ของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา พบว่าแอปเปิ้ลเขียวมีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้ โดยคุณค่าทางอาหารต่อแอปเปิ้ลเขียว 100 กรัม มีปริมาณพลังงาน 58 กิโลแคลอรี่, น้ำ 85.46 กรัม, น้ำตาล 9.59 กรัม, ไฟเบอร์ 2.8 กรัม และโพแทสเซียม 120 กรัม ค่ะ จากแอปเปิ้ลเขียวที่ให้พลังงานน้อยแล้ว ในแอปเปิ้ลเขียวนั้นมีเอ็นไซม์ที่สามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ค่ะ อีกทั้งยังมีเอ็นไซม์ที่จะเผาผลาญสารอาหารช่วยทำให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น นอกเหนือไปจากวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว กรดผลไม้ที่มีอยู่ในแอปเปิ้ลสามารถช่วยควบคุมและยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนแห่งความอยากอาหาร ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลังจากคุณรับประทานแอปเปิ้ลไปซักผลสองผลคุณจะไม่มีความรู้สึกอยากรับประทานอาหารอื่นใดอีกเลย กรดผลไม้ของแอปเปิ้ลยังสามารถช่วยพยุงไม่ให้ระดับของโปรตีนในร่างกายลดต่ำลงและขณะเดียวกันก็ยังช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันถูกดึงมาเก็บสะสมไว้ในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกค่ะ

 

2.ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำใส้

เปลือกสีเขียว ๆ ของแอปเปิ้ลเขียวก็ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นใ­­­ยอาหารที่มีสูงที่ช่วยในระบบการขับถ่ายและทำให้ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเอ็นไซม์ที่จะเผาผลาญสารอาหารช่วยทำให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น พร้อมกันนั้นก็อุดมไปด้วยเพกติกสารคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งซึ่งสามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียร้ายในระบบทางเดินอาหารตัวการที่ทำให้คุณเกิดอาการท้องร่วงค่ะ

 

3.ช่วยเรื่องของผิวพรรณ

นอกจากเรื่องของสุขภาพร่างกายแล้ว เรื่องของความสวยความงามนั้นแอปเปิ้ลเขียวก็ไม่พลาดที่จะมีบทบาทสำคัญอยู่เหมือนกันค่ะ เนื่องจากแอปเปิ้ลเขียวมีวิตามินที่จำเป็นสำหรับผิวพรรณและด้วยที่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณ อย่างเช่น วิตามิน C ซึ่งก็ได้พบว่าในแอปเปิ้ลเขียวจะมีมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ บางประเภทเสียอีกค่ะ และก็พบว่าถ้าเรารับประทานแอปเปิ้ลเขียวทั้งเปลือกนั้นสาร “โพลีฟีนอล” ที่มักจะอยู่ตามเปลือกหรือเนื้อที่อยู่ติดกับเปลือก จะไปช่วยป้องกันผิวพรรณไม่ให้โดนแดดเผาทำลาย ป้องกันยูวีเอและยูวีบีจากแสงแดด เวลาที่เรากัดแอปเปิ้ลทิ้งไว้แล้วสีของเนื้อแอปเปิ้ลเปลี่ยนไปนั่นแสดงว่ามีสาร “โพลีฟีนอล” นั่นเอง ดังนั้นจึงเข้าใจได้ว่าที่ไหนมีสารโพลีฟีนอล พอโดนอากาศก็จะเกิดสนิมเป็นสีน้ำตาลขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะเป็นผักหรือผลไม้ค่ะ

 

4.ช่วยลดคอเลสเตอรอล

แอปเปิ้ลมีสารเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันแยกคอเลสเตอรอลออกมาแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ลจะไปคอยดักจับคอเลสเตอรอลเหล่านั้นและนำไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งค่ะ ง่ายๆก็คือช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันถูกดึงมาเก็บสะสมไว้ในร่างกายเพิ่มเติมอีกนั่นเองค่ะและยังพบว่าแอปเปิ้ลลดคอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชายด้วยค่ะ

 

5.ช่วยลดน้ำตาลในเลือด

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป อาหารแต่ละชนิดก็จะถูกย่อยสลายและดูดซึมผ่านผนังกระเพาะลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอาหารนั้นๆ คนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากๆ จะมีโอกาสเกิดเบาหวานต่ำกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย และสำหรับคนที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยและแอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำสูงมาก จึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นเบาหวานค่ะ

 

6.ช่วยลดการสูญเสียกล้ามเนื้อจากการป่วย

ในคนที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำอยู่เสมอนั้นมักจะมีกล้ามเนื้อที่เฟิร์มและแข็งแรง แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณได้เกิดล้มป่วยขึ้นมานั้น อาจจะทำให้คุณต้องหยุดพักร่างกายจนออกกำลังกายไม่ได้เป็นช่วงเวลาหนึ่ง แน่นอนว่าในขณะที่คุณหยุดพักกล้ามเนื้อส่วนที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาจากการออกกำลังกาย อาจจะมีน้อยลงหรือหายไปบ้าง ซึ่งในจุดนี้เองที่ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะกังวล เพราะการที่กล้ามเนื้อหายไปก็มักจะทำให้รูปร่างที่เคยดูดีนั้นเปลี่ยนไปด้วย แต่สิ่งเหล่านี้สามารถป้องกันได้ โดยการบริโภคแอปเปิ้ลสีเขียวเป็นประจำเพราะในแอปเปิ้ลสีเขียวนั้นประกอบไปด้วยกรดบางชนิดที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ในการเพิ่มพลังและสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อของเราโดยตรงนั่นเองค่ะ

 

7.ช่วยบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ

ด้วยที่ว่าในแอปเปิ้ลนั้นมีวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนอยู่มาก จึงสามารถช่วยบรรเทาหรือป้องกันโรคหวัดและโรคเลือดออกตามไรฟันได้ และแอปเปิ้ลยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้นจึงช่วยได้ทั้งอาการท้องผูกและท้องเสีย ใครที่มีอาการท้องผูกแอปเปิ้ลจึงเป็นผลไม้ในตัวเลือกหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ อีกทั้งยังทำให้ความดันโลหิตค่อยๆ ลดลง เหมาะสำหรับผู้ที่ความดันโลหิตสูงอีกด้วยค่ะ

 

 

www.flickr.com/photos/36328518@N07/3384100342/

www.flickr.com/photos/63723146@N08/8482731764/

6 เหตุผล ทำไมอาหารมื้อเช้าจึงมีความสำคัญ

breakfast-1 “อาหารเช้าสำคัญ” มากนะรู้ยัง? อาหารมื้อเช้า มีคำศัพท์ในภาษาอังกฤษว่า “Breakfast” แปลแบบตรง ๆ โดยนำคำว่า “Break” ที่แปลว่า “หยุด”  กับคำว่า “Fast” ที่แปลว่า “การอดอาหาร” มารวมกัน ดังนั้น Breakfast จึงหมายความว่า “การหยุดการอดอาหาร” คนเรามักจะรับประทานอาหารเย็นเวลา 6 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่มโดยประมาณการเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นก็มักจะเป็นการทำกิจกรรมเบา ๆ พักผ่อนสมอง ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนหลับ อาหารมื้อดึกกว่านี้จึงจัดเป็นโทษต่อร่างกายเพราะแทนที่ร่างกายจะได้พักผ่อนและซ่อมแซมความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นมาตลอดวันแต่กลับต้องมาเสียเวลาและพลังงานเพื่อย่อยอาหารนับรวมแล้วร่างกายต้องอดอาหารกว่าจะถึงเช้าวันใหม่เป็นเวลาประมาณ 10-12 ชั่วโมง ร่างกายมนุษย์ประกอบไปด้วยเซลล์จำนวนมหาศาล ซึ่งทุกส่วนประกอบย่อย ๆ เล็ก ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเหล่านั้นล้วนต้องการน้ำตาลกลูโคสที่ได้จากกระบวนการเผาผลาญอาหารมาใช้เพื่อเป็นพลังงานให้การทำงานของอวัยวะทุกส่วนเป็นไปอย่างปกติ ซึ่งระดับน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดนั้นจะสูงสุดในช่วงระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร ต่อจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของตับและบรรดาฮอร์โมนเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด (counteregulatory hormone) ที่จะมาช่วยกันรักษาระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้ต่ำเกินไปจนเซลล์เกิดความเสียหาย รวมทั้งต้องเพียงพอต่อการทำงานของ 2 อวัยวะที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการมีชีวิตมนุษย์ซึ่งก็คือสมองและหัวใจ  รู้อย่างนี้แล้ว วันนี้คุณทานอาหารเช้ากันหรือยังคะ? บางคนก็เร่งรีบในการทำภาระกิจตอนเช้าเพื่อต้องรีบไปให้ถึงที่ทำงาน นอนดึกตื่นสายบ้างจนต้องข้ามอาหารเช้ามาทานบ่ายซะงั้น บ้างก็ต้องการลดหุ่นโดยการงดรับประทานอาหารเช้า หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่หารู้ไม่ว่าคุณกำลังทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ การข้ามหรืองดอาหารเช้าไปถือว่าทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงเลยด้วย เมื่อก่อนก็เคยทำค่ะแต่เหตุผลของเราคือตอนเช้าๆมันไม่มีความรู้สึกหิวหรืออยากกินอะไรเลย เคยเป็นไหมคะ? และด้วยความที่ไม่รู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพของเราอย่างแรง และเป็นการทำร้ายตัวเองโดยตรงเลยด้วย จนต้องมารู้สึกกับตัวเองว่าเวลาไปเรียนหรือจะทำงานแล้วสมองมันตื้อๆ ไม่สดใสปรอดโปร่งเอาซะเลย และบางคนก็คงคิดล่ะสิว่าถ้าข้ามอาหารเช้าไปมื้อนึงแล้วคงไม่เป็นไรหรอกแถมยังจะช่วยลดน้ำหนักลงเสียอีก แต่คิดผิดถนัดเลยแหละค่ะ มันจะไปหนักอาหารมื้ออื่นโดยเฉพาะเจ้าอาหารมื้อเย็นนี่ตัวดีเลยจัดหนักจัดเต็ม นอกจากน้ำหนักไม่ลดแล้วเจ้ากรรมดันเพิ่มน้ำหนักเราขึันเสียอีกแหน่ะ!

ต่อไปนี้เราต้องจำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะ * อาหารมื้อเช้าให้กินอย่างราชา อาหารมื้อกลางวัน ให้กินอย่างเศรษฐี อาหารมื้อเย็นให้กินอย่างยาจก หรือ อาหารมื้อเช้าบํารุงสมอง อาหารมื้อกลางวันบํารุงกําลัง อาหารมื้อเย็นบํารุงร่างกาย และเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการรับประทานอาหารมื้อเช้าคือ 7.00 – 9.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่กระเพาะอาหารของเราเริ่มทํางานนั่นเองค่ะ

กระทรวงสาธารณสุขได้ออกโรงเตือนคนที่งดอาหารเช้าเพราะต้องการลดน้ำหนัก ซึ่งพบมากในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ว่าเป็นความเชื่อที่ผิดและก่อให้เกิดผลเสียตามมาเนื่องจากการงดอาหารเช้าจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำมีอารมณ์หงุดหงิด สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก เพราะสมองต้องการน้ำตาลกลูโคสหล่อเลี้ยงตลอดเวลาทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียนหรือทำงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหรือการทำงานจะด้อยกว่าคนที่กินอาหารเช้าช่วงสายของวันจะรู้สึกหิวและหันมากินจุบกินจิบ ส่งผลให้น้ำหนักตัวขึ้นง่ายสำหรับเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นการได้รับอาหารเช้าที่เหมาะสมจะยิ่งมีความสำคัญเพราะอยู่ในวัยที่กำลังเจริญเติบโตจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตได้เต็มตามศักยภาพ

 

ทำไมต้องรับประทานอาหารเช้า?

1. ช่วยให้ความจำดี

มีการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารเช้ามีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ การทำงานทำให้ระบบความจำทักษะการเรียนรู้ และอารมณ์ดีขึ้นด้วยค่ะ แต่หากใครไม่ทานอาหารเช้าจะมีสมาธิน้อยลงและสมองก็ทำงานได้ไม่เต็มที่

2. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้

โดยคนที่รับประทานอาหารเช้าจะมีภาวะผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน หรือที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานนั้นลดลงถึง 35-50% เลยทีเดียวค่ะ

3. ช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้

อาหารเช้าช่วยควบคุมโรคอ้วนและน้ำหนักได้เป็นอย่างดีค่ะ นั่นเพราะจากมื้อดึกจนถึงเช้าวันใหม่เราอดอาหารมานานเกือบ 12 ชั่วโมง และหากเรายิ่งไม่ทานอาหารเช้าเข้าไปอีกจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง จนไปเพิ่มแนวโน้มการรับประทานอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูงในมื้อเที่ยงมากขึ้นและนี่ก็เป็นสาเหตุให้มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วนได้อย่างไม่รู้ตัวอีกด้วยค่ะ

4. ลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคหัวใจ

ผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมออาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจได้ด้วย เพราะในตอนเช้าเลือดของเรามีความเข้มข้นสูงและทำให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้ แต่ถ้ารับประทานอาหารเช้าเข้าไปจะช่วยให้ระดับความเข้มข้นในเลือดเจือจางลงด้วยค่ะ

5. ช่วยลดโอกาสเกิดโรคนิ่ว

การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมงจะทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันนาน หากนาน ๆ ไปสิ่งที่จับตัวกันนั้นจะกลายเป็นก้อนนิ่ว แต่หากเราทานอาหารเช้าเข้าไปล่ะก็ มันจะไปกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำดีออกมาละลายคอเลสเตอรอลที่จับตัวกันอยู่ได้ค่ะ

6. ช่วยพัฒนาสมอง

สำหรับเด็ก ๆ การอดอาหารเช้าเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์และยังส่งผลต่อสติปัญญา ทำให้ขาดสมาธิ ส่งผลเสียในระยะยาวอีกด้วยนะคะ

 

ผลเสียของการไม่รับประทานอาหารมื้อเช้า

  • การไม่รับประทานอาหารเช้านั้นร่างกายจะขาดสารอยู่สองตัวที่สำคัญ คือ แม็คนิเซียม และ ธาตุเหล็ก สารอาหารสองอย่างนี้จะไปเพิ่มการเผาผลานพลังงานได้ดีขึ้น เมื่อไม่มีสารสองอย่างนี้ก็ทำให้ขาดพลังงาน แม็คนิเซียม และธาตุเหล็กจะทำให้สารเคมีที่มีอยู่ในสมองทำงานได้ดี เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ทานอาหารเช้าจะทำให้เรา ขาดสมาธิ สมองเฉื่อยชา
  • ร่างกายขาดสารอาหารที่จําเป็นในการเสริมสร้างพลังงานและซ่อมแซมสิ่งที่ สึกหรอ ทําให้อวัยวะต่างๆไม่แข็งแรง
  • สมองไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอ ทําให้ไอคิวต่ำ เฉื่อยชา ขาดความว่องไว ความจําไม่ดีขาดความ กระตือรือร้น
  • ถ้าไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเป็นเวลานาน กระเพาะจะไม่แข็งแรง การขับถ่ายไม่ดี กล้ามเนื้อเหลว  ผิวเหี่ยวและคล้ำ แก่เร็ว ภูมิต้านทานลดลง ปวดหัว ปวดเข่า ความจําเสื่อม เป็นอัลไซเมอร์

 

นอกจากนั้นอาหารเช้ายังลดโรคด้วยนะจ๊ะ

การกินอาหารเช้าจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นอาการเตือนของโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้อีกด้วย สำหรับคนที่จะลดหุ่นโดยการงดอาหารเช้านี่ ผิดมหันต์เลยค่ะ แต่อาหารเช้าจะไปช่วยควบคุมโรคอ้วนและน้ำหนักต่างหากล่ะคะ ก็เพราะว่าจากมื้อดึกจนถึงเช้าวันใหม่ เราอดอาหารมานานเกือบ 12 ชั่วโมง และหากเรายิ่งไม่ทานอาหารเช้าเข้าไปอีก จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง จนไปเพิ่มแนวโน้มการรับประทานอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูงในมื้อเที่ยงมากขึ้น และนี่ก็เป็นสาเหตุให้มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วนได้อย่างไม่รู้ตัว

ถ้าต้องการให้ร่างกายได้ประโยชน์จากอาหารมื้อเช้ามากขึ้น ก็ควรพิจารณาเลือกชนิดอาหารที่มี คารโบไฮเดร์ต โปรตีน ธัญพืชไม่ขัดสี ธัญพืชไม่ขัดสี ผลไม้ อาหารทะเลให้กรดอะมิโน ไข่ อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินบี และโคลีนช่วยการทํางานเกี่ยวกับความจํา แม้ไข่จะมีคลอเลสเตอรอลสูง แต่ไข่วันละฟองในมื้ออาหารที่สมดุลนนั้น ข้อมูลการวิจยเปิดเผยว่าไม่เป็นผลเสีย อาหารแคลเซียมสูง เช่น นมโยเกิร์ต นมถั่วเหลือง หรือธัญพืชเสริมแคลเซียม น้ำส้มช่วยในการเผาผลาญไขมันและลดการสะสมไขมันในร่างกาย

 

ส่วนคุณพ่อคุณแม่บางคนก็จะให้ลูกๆกินข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียนกันใช่ไหมล่ะคะ เพราะการไม่กินอาหารเช้าจะทําให้ร่างกายขาดพลังงาน และจะมีผลต่อการเรียนรู้และความจำ ดังนั้นการกินอาหารเช้าจึงทําให้สมองทํางานได้ดีจะช่วยให้มีสมาธิในการเรียน สำหรับคนที่ไม่กินอาหารเช้าควรปรับพฤติกรรมใหม่หันมากินอาหารเช้ากันเถอะนะคะ เพื่อให้การทํางานในแต่ละวันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทําให้การรับรู้และความจำดีขึ้นอีกด้วย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราควรมาใส่ใจกับมื้อเช้ากันค่ะ