Browse Category: Fitness

15 นิสัยและพฤติกรรมแย่ๆ ที่ทำให้อ้วน

eating-cake-1
Source: Flickr (click image for link)

สำหรับคนที่กำลังจะอ้วนหรืออ้วนไปแล้วและกำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ บางคนอาจจะยังไม่ทราบหรือไม่รู้ตัวเองว่านิสัยการกินหรือพฤติกรรมที่คุณนั้นชอบทำอยู่เป็นประจำนั้น อาจจะเป็นส่วนที่ทำให้คุณไม่สามารถควบคุมน้ำหนักได้เท่าที่ควรจะเป็น ถึงแม้ว่าคุณจะบอกว่าได้พยายามควบคุมอาหารอย่างที่สุดแล้วนะ แต่ทำไมน้ำหนักไม่ลดลงเลยล่ะ เอาล่ะก่อนอื่นเลยเราลองกลับมาย้อนมองดูตัวเองกันก่อนไหมว่านิสัยและพฤติกรรมเหล่านี้ตรงกับที่คุณทำและเป็นอยู่หรือไม่ และถ้าใช่ก็ควรหยุดเสียนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมการควบคุมน้ำหนักของคุณที่ทำมาอย่างมุ่งมั่นจึงไม่ประสบผลสำเร็จสักที การควบคุมน้ำหนักหรือการลดน้ำหนักมันไม่ง่ายและรวดเร็วเหมือนตอนที่เรากินแล้วน้ำหนักขึ้นพรวดๆ โดยไม่บอกไม่กล่าวหรือคำนึงถึงลิมิตที่คุณวางไว้หรอกนะ ถ้าคุณอยากจะให้มันสำเร็จไปได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วล่ะก็ ถึงเวลาที่เราต้องหันมาปรับนิสัยและเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้กันค่ะ

 

15 นิสัยและพฤติกรรมแย่ๆ ที่ทำให้อ้วน

eating-foods-1
Source: Flickr (click image for link)

1.ขี้เสียดาย

หลายคนมีนิสัยขี้เสียดายของโดยเฉพาะกับอาหารการกิน นั่นอาจเป็นเรื่องดีค่ะถ้าในสำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการควบคุมน้ำหนักนะคะ แต่ถ้าเราต้องการควบคุมน้ำหนักแล้วก็ควรอย่าไปเสียดายอาหารที่เราทานไม่หมด เมื่ออิ่มแล้วก็ควรพอไม่ควรทานต่อเพื่อให้มันไปขยายกระเพาะของเราเปล่าๆ นอกจากนั้นยังไปเป็นของเหลือที่ร่างกายเราไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์อะไรต่อ แถมยังมาใจดีเก็บสะสมของเหลือเหล่านั้นให้ไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกแน่ะ แล้วก็มาทำให้เราหงุดหงิดรำคาญใจว่าทำไมมีพุง ทำไมขาใหญ่ แขนใหญ่ เห้อออ เลิกเหอะ

 

2.ตามใจปาก

การตามใจปากคือการที่กินเพราะความอยากจากความต้องการและอารมณ์ของเราล้วนๆ ไม่ใช่เพราะความหิวหรืออย่างใด แค่อยากจะกินอ่ะ นู่นก็จะเอานี่ก็จะกิน กินไม่หยุดกินได้เรื่อยๆ กินแบบไม่มีท่าทีว่าจะพอ โหยยแม่คุณกินแบบนี้นี่ไง กินไม่ปรึกษาตัวเลขที่ขึ้นเอาพรวดๆบนตาชั่งเลย แล้วยังมาร้องว่าทำไมน้ำหนักไม่ลดซักที อ้วนได้ไงเนี่ย เออคิดได้เนอะ

 

3.การกินเร็ว

การกินเร็วรวมถึงการที่ยังไม่ทันได้เคี้ยวก็รีบกลืน การกินเร็วแบบนี้จะทำให้เราเพลินและกินได้มากขึ้น แต่ทราบหรือไม่ว่าการที่เรากินเร็วแบบที่ยังไม่ได้ทันได้ใช้เวลาในการเคี้ยวให้ละเอียดแล้วกลืนนั้น จะทำให้เราไม่รู้สึกอิ่มและนั่นอาจจะทำให้เราทานมากกว่าปกติเพราะการกินเร็วนั้นทำให้กระเพาะยังไม่ทันรู้สึกว่าได้รับอาหารจึงทำให้เรารู้สึกว่ายังกินได้อีก เพราะอย่างนี้การกินแบบค่อยๆ เคี้ยวให้ละเอียดจะทำให้อาหารย่อยง่าย และยังทำให้ได้รับปริมาณอาหารที่เพียงพอต่อความหิวอีกทั้งยังช่วยให้ได้รับรสชาติของอาหารมากขึ้นด้วยค่ะ

 

4.กลัวน้ำหนักตัวเอง

หลายคนกลัวการชั่งน้ำหนักของตัวเองโดยเฉพาะอยู่ในช่วงที่คิดว่าตัวเองรู้สึกว่าอ้วนขึ้นกลัวที่จะเห็นตัวเลขบนตาชั่งแล้วรับไม่ได้ อยากจะบอกว่าการทราบน้ำหนักตัวเองอยู่ทุกวันเป็นเรื่องดีนะคะอย่าได้กลัวไปเลย เพราะจะทำให้เราทราบน้ำหนักของตัวเราเองว่าเพิ่มขึ้น ลดลง หรือคงที่แล้ว เพื่อเตือนให้เรารู้ตัวและสามารถควบคุมน้ำหนักได้ค่ะ

 

5.ดูโทรทัศน์หรือเล่นโทรศัพท์ระหว่างการกิน

เชื่อว่าหลายๆคนคงเป็นกันค่ะ การที่เราทำกิจกรรมจำพวกดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์มือถือ รวมถึงการอ่านหนังสือ ทราบหรือไหมว่าการทำพฤติกรรมเหล่านี้ระหว่างการรับประทานอาหารจะทำให้เราทานมากขึ้นถึง 50% และยังทำให้เรารับประทานอาหารมื้อถัดไปเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าเรามัวแต่ต้องโทรทัศน์หรือเล่นโทรศัพท์อยู่ จึงทำให้จิตใจของเราไม่ได้จดจ่ออยู่กับอาหารที่เรากำลังรับประทานเราเลยไม่รู้สึกว่าอิ่มสักที รู้อย่างนี้ก็ควรต้องถึงเวลาปรับเปลี่ยนนิสัยนี้เสียทีนะ

 

6.งดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง

การรับประทานอาหารที่ถูกต้องคือการรับประทานอาหารให้ครบสามมื้อไม่ควรข้ามหรืองดมื้อใดมื้อหนึ่ง โดยเฉพาะมื้อเช้าที่หลายคนตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจงดแต่ไม่ควรจะทำค่ะ การที่เราไม่ทานมื้อเช้าที่เป็นมื้อเริ่มต้นของวันและเป็นมื้อที่สำคัญต่อสุขภาพของเราที่ร่างกายควรจะได้รับแล้วแต่เมื่อเรางดไป จะไปทำให้เราหิวและไปหนักในมื้ออื่นโดยเฉพาะมื้อเย็นที่เราจะไปจัดหนักจัดเต็มกันเลยทีเดียว แต่กลับกันมื้อเย็นหลายคนคงเข้าใจว่าควรงดซึ่งนั่นก็ไม่ถูกต้อง แค่มื้อเย็นควรทานให้เบากว่ามื้ออื่นๆ และไม่ควรดึกจนเกินไปต่างหากล่ะ

 

7.กินแก้เครียด

เวลาที่มีเรื่องเครียดหรืออาการกลุ้มอกกลุ้มใจ การกินถือเป็นสิ่งตอบโจทย์ของใครหลายๆ คน บางทีก็กินแก้เครียดโดยไม่รู้ตัว ในช่วงที่เราควบคุมน้ำหนักอยู่นี้อยากให้หาวิธีหรือกิจกรรมอย่างอื่นในการแก้เครียดที่ไม่ใช่การกินค่ะ ความจริงแล้วถ้าเปลี่ยนมาเลือกรับประทานจำพวกผักสลัดสดหรือผลไม้สดน่าจะดีกว่านะ

 

8.กินให้คุ้มแบบจัดเต็ม

การกินประเภทนี้จะมีอยู่ในคนที่ชอบอาหารประเภทบุฟเฟ่ กินแบบไม่อั้นจัดเต็มให้คุ้มกับเงินที่เสียไป ถึงแม้ว่าเราจะกินอิ่มแล้วก็ตามแต่ก็ไม่สามารถรู้ตัวได้ว่าเราควรที่จะพอและควรจะหยุดกิน ด้วยความที่คิดว่ายังไม่คุ้มก็เอาอีก ตักอีก กินอีก นอกจากน้ำหนักที่ขึ้นแบบไม่รู้ตัวแล้วโรคภัยไข้เจ็บอาจถามหาตามมา และก็คงจะไม่คุ้มกับความเสียดายเงินของราคาบุฟเฟ่ที่เราพยายามกินให้คุ้มแล้วก็เป็นได้

 

9.ชอบกินมื้อดึก

ใครที่ชอบนอนดึกไม่ว่าจะวัยเรียนหรือทำงาน เมื่อถึงเวลานอนก็จะไม่นอนกันไม่ว่าจะมีงานค้างหรืองานด่วนที่ต้องรีบทำให้เสร็จ ดึกๆไปก็คงจะรู้สึกหิวและก็หาอะไรกินแก้หิว อย่าลืมนะคะว่าร่างกายมีช่วงเวลาของมันเวลากลางคืนก็คือเวลาที่ควรพักผ่อนร่างกายของเราให้เต็มที่ แต่เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูงมากที่สุด เวลากลางคืนกลางดึกนี้เราไม่ได้มีการเคลื่อนไหวร่างกายอะไร ถ้าเรากินอาหารที่ให้พลังงานสูงเข้าไปก็จะกลายเป็นไขมันสะสมที่ก่อให้เกิดความอ้วนและเสียสุขภาพไปโดยเปล่าประโยชน์นั่นเองค่ะ

 

10.กินจุบกินจิบ

การกินแบบไม่หยุดอยู่ตลอดเวลาชนิดที่ว่างเป็นไม่ได้ ต้องหาอะไรมาเข้าปากสักหน่อยไม่เว้นช่องว่างให้หยุดพัก ในปากต้องมีของกินอยู่เสมอเวลาเรียนหรือทำงานก็แอบซื้อขนมขบเคี้ยวมาแอบไว้ในกระเป๋า หยิบมากินเพลินๆ ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกว่างเหงาปาก ถ้าไม่ได้กินจะเหมือนว่าขาดอะไรไป นิสัยนี้ทำไปนานๆก็จะเกิดเป็นความเคยชินที่ไม่ดี ถ้ายังไม่หยุดก็อ้วนแน่นอนค่ะ

 

11.ให้รางวัลตัวเองด้วยการกิน

ในสังคมส่วนใหญ่ไม่ว่าจะดีใจ ฉลอง ปาร์ตี้ อะไรก็คงไม่พ้นการเลือกการกินเป็นการปลอบใจให้รางวัลแก่ตนเอง และการที่เราให้รางวัลกับตัวเองด้วยการกินถือเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่ออกกำลังกายแล้วให้รางวัลของการออกกำลังกายมาอย่างหนักทั้งอาทิตย์ต้องมาพังลงจากการกินที่คิดว่ากินนิดหน่อยเอง สุดท้ายก็จะได้น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเป็นสิ่งตอบแทนค่ะ

 

12.ชอบเข้าร้านสะดวกซื้อ

การเดินเข้าร้านสะดวกซื้อเป็นประจำทุกวันถือว่าติดเป็นนิสัยของการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว ด้วยความที่สะดวกและเคยชินจะออกจากบ้านหรือเวลาจะเข้าบ้านเป็นต้องแวะ พอแวะแล้วก็ต้องซื้ออย่างน้อยก็ต้องเป็นลูกอม ช็อคโกแลต ไอศครีมบ้างแหละ ถ้ายังทำตามใจไม่แก้นิสัยนี้ก็คงยากที่จะควบคุมน้ำหนัก

 

13.ชอบตบท้ายด้วยของหวาน

ส่วนใหญ่แล้วในคนที่คิดว่าเมื่อรับประทานของคาวแล้วต้องล้างปากด้วยของหวานอยู่เสมอซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดพลาดค่ะ ถ้าในคนที่ดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองเป็นอย่างดีก็ไม่ว่ากันค่ะ แต่ถ้าอยู่ในช่วงที่ควบคุมน้ำหนักอยู่แล้วมีนิสัยชอบกินของหวานตบท้ายนี้แล้วรีบเปลี่ยนเลยค่ะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

 

14.ไม่ชอบดื่มน้ำ

มีหลายคนเลยค่ะที่ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อร่างกายนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบต่างๆของร่างกาย นอกจากจะช่วยในเรื่องการขับของเสียออกจากร่างกายแล้วยังทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล มิหนำซ้ำยังช่วยระบบย่อยให้ทำงานเป็นปกติดีอีกด้วยค่ะ

 

15.ไม่ชอบเคลื่อนไหวร่างกาย

ไม่ว่าจะด้วยหน้าที่การงานที่ทำให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยเช่น นั่งแต่เก้าอี้ หรือคนที่ชอบแต่นั่งๆ นอนๆ ไม่ชอบออกกำลังกายแบบนี้ยิ่งจะทำให้เราอ้วนด้วยไม่รู้ตัว อย่างน้อยก็ควรมีการเคลื่อนไหวของร่างกายระหว่างวันบ้าง แทนที่จะขึ้นลิฟเปลี่ยนมาเดินขึ้นบันไดหรือมีการออกกำลังกายแบบเบาๆบ้าง เช่น โยคะ เต้นแอโรบิค เพื่อเผาผลาญพลังงานที่เราได้รับเข้ามาหรือส่วนที่สะสมให้เบิร์นออกไปบ้าง ถ้ามัวแต่รับเข้ามาแล้วไม่เอาออกบ้างก็คงลำบากที่จะควบคุมน้ำหนักให้ได้อย่างใจหวัง

 

www.flickr.com/photos/cc_photoshare/10728238955/

www.flickr.com/photos/daniellehelm/4454701044/

 

6 ประโยชน์สุดยอดจากแอปเปิ้ลสีเหลือง

yellow-apple-1
Source: Flickr (click image for link)

มาถึงแอปเปิ้ลสีสุดท้ายกันค่ะ นั่นก็คือ แอปเปิ้ลสีเหลือง แอปเปิ้ลสีนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นกันบ่อยนักตามท้องตลาด ส่วนใหญ่เราจะเห็นแอปเปิ้ลสีแดง สีเขียว หรือสีขมพูกันซะส่วนใหญ่ใช่ไหมล่ะค่ะ แต่ทราบหรือไม่คะว่าประโยชน์ของแอปเปิ้ลสายพันธุ์นี้นั้นมีมากมายเลยทีเดียวค่ะ แอปเปิ้ล ผลไม้ขึ้นชื่อเรื่องของรสชาติความอร่อย เปลือกสีสดน่ากิน เนื้อในหวานหอมกรอบ แถมยังเปี่ยมล้นไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เบตาแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ จะเห็นได้ว่าแอปเปิ้ลแต่ละสีจะมีประโยชน์เมือนๆกันเกือบทุกข้อ แต่เห็นได้ชัดว่าจะมีประโยชน์บางข้อของแต่ละสีที่มีความโดดเด่นแตกต่างตามเฉพาะของแต่ละสีค่ะ อย่างของแอปเปิ้ลสีเหลืองนี้ก็เหมือนกันค่ะ เพราะอย่างนี้วันนี้เราจึงขอนำเสนอข้อมูลของประโยชน์จากแอปเปิ้ลสีเหลืองมาให้ได้อ่านกันค่ะ

 

 

ประโยชน์ที่คุณควรเลือกกินแอปเปิ้ลสีเหลือง

yellow-apple-2
Source: Flickr (click image for link)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1.ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจก

ยกให้เป็นประโยชน์เด่นข้อแรกของแอปเปิ้ลสีเหลืองเลยค่ะ เนื่องด้วยแอปเปิ้ลสีเหลืองนี้มีสารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตาที่อยู่สูงกว่าชนิดอื่น และแอปเปิ้ลสีเหลืองยังอุดมไปด้วยสารเควอร์ซิติน โดยสารนี้จะไปช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกด้วยค่ะ

 

2.ช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย  

แอปเปิ้ลสีเหลืองนั้นเป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารเปกตินในแอปเปิ้ลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ส่วนของเปลือกแอปเปิ้ลนั้นก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ กำจัดสารพิษในร่างกาย การกัดกินแอปเปิ้ลทั้งผลพร้อมเปลือกร่างกายจะได้ประโยชน์มากกว่าปอกเอาเปลือกออก แต่ก่อนกินควรล้างน้ำให้สะอาดเพื่อลดสารพิษที่ติดอยู่ที่ผิวเปลือกด้วยค่ะ

 

3.ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ และมีใยอาหารอยู่ไม่น้อย มีส่วนประกอบของแป้งและน้ำตาลกว่า 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกิน 10 นาที จึงทำให้เกิดความอยากอาหารลดลง จะเห็นได้จากข้อมูลของ USDA Nutrient database  ของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาพบว่าแอปเปิลแต่ล่ะสีมีคุณค่าทางโภ­­­ชนาการดังนี้  คุณค่าทางอาหารต่อแอปเปิ้ล 100 กรัม แอปเปิ้ลสีเหลืองให้พลังงาน 57 กิโลแคลอรี่  น้ำ 85.81 กรัม, น้ำตาล 10.4 กรัม, ไฟเบอร์ 2.4 กรัม และโพแทสเซียม 100 กรัม ดังนั้นการเลือกทานผลไม้แอปเปิ้ลนั้นก็ไม่ตัวเลือกที่ดีค่ะ

 

4.ช่วยให้อิ่มนานและไม่หิวบ่อย

น้ำตาลฟรักโทสที่อยู่ในแอปเปิ้ลเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงานอย่างช้าๆ โดยที่ร่างกายก็สามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ภายในสิบนาที ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น ไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนเวลาที่เรากินขนมหวานอื่นๆ ทำให้รู้สึกอิ่มนานและไม่หิวบ่อยค่ะ

 

5.ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและป้องกันโรคมะเร็งลำไส้

เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่าเพคติน และเส้นใยตัวนี้มีคุณสมบัติพองตัว จึงช่วยเพิ่มกากใยในทางเดินอาหารช่วยให้ขับถ่ายได้ดี และช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ค่ะ

 

6.ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและลดคอเลสเตอรอล

สารเบต้าแคโรทีนและเส้นใยไฟเบอร์ ช่วยในเรื่องของการบำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล แอปเปิ้ลมีสารเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันแยกคอเลสเตอรอลออกมาแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ลจะไปคอยดักจับคอเลสเตอรอลเหล่านั้นและนำไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งค่ะ ง่ายๆก็คือช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันถูกดึงมาเก็บสะสมไว้ในร่างกายเพิ่มเติมอีกนั่นเองค่ะและยังพบว่าแอปเปิ้ลลดคอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชายด้วยค่ะ

 

 

www.flickr.com/photos/bernardoramonfaur/25870828710/

www.flickr.com/photos/calliope/24625088606/

7 ประโยชน์สุดยอดจากแอปเปิ้ลเขียว

green-apple-1
Source: Flickr (click image for link)

วันนี้มาถึงคิวของผลไม้ที่เราเรียกว่า แอปเปิ้ล กันค่ะ แต่วันนี้จะเป็นแอปเปิ้ลสีเขียวค่ะ จากโพสที่แล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์ของแอปเปิ้ลสีแดง และด้วยประโยชน์ที่มีมากมายจากแอปเปิ้ลสีแดงอีกทั้งส่วนข้อมูลของแอปเปิ้ลเขียววันนี้ก็มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการที่ดีไม่แตกต่างกันเลยค่ะ อย่างไรก็ดีขึ้นชื่อว่าแอปเปิ้ลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสีไหนประโยชน์และคุณค่าก็ไม่ได้แพ้กันเลยทีเดียวค่ะ และหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และก็เพื่อทำให้ทุกๆคนได้ทราบกันว่าแอปเปิ้ลแต่ละสีนั้นเป็นอย่างไร มีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันอย่างไรบ้างและมีอย่างไหนที่มีความโดดเด่นจากผลไม้อื่นๆหรือเปล่า ข้อมูลที่กีเหล่านี้รวมถึงสิ่งดีๆเราก็อยากเอามาแชร์และแบ่งปันเผื่อใครที่กำลังเลือกหนทางรักษาสุขภาพโดยการเลือกรับประทานอาหารหรืออยากให้ร่างกายได้รับแต่สิ่งดีๆ เราก็ขอให้ข้อมูลของเราสามารถช่วยคุณได้บ้างนะคะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปพบและเข้าใจกับข้อมูลที่เกี่ยวกับประโยชน์ต่างๆ ของแอปเปิ้ลเขียวกันให้มากขึ้นกันเลยดีกว่าค่ะ

 

 

7 ประโยชน์สุดยอดที่คุณควรเลือกกินแอปเปิ้ลเขียว

green-apple-2
Source: Flickr (click image for link)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1.ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

ปฎิเสธไม่ได้เลยที่จะยกให้เป็นผลประโยชน์ข้อแรกของแอปเปิ้ลเขียวค่ะ จากข้อมูลของ USDA Nutrient database ของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา พบว่าแอปเปิ้ลเขียวมีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้ โดยคุณค่าทางอาหารต่อแอปเปิ้ลเขียว 100 กรัม มีปริมาณพลังงาน 58 กิโลแคลอรี่, น้ำ 85.46 กรัม, น้ำตาล 9.59 กรัม, ไฟเบอร์ 2.8 กรัม และโพแทสเซียม 120 กรัม ค่ะ จากแอปเปิ้ลเขียวที่ให้พลังงานน้อยแล้ว ในแอปเปิ้ลเขียวนั้นมีเอ็นไซม์ที่สามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ค่ะ อีกทั้งยังมีเอ็นไซม์ที่จะเผาผลาญสารอาหารช่วยทำให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น นอกเหนือไปจากวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว กรดผลไม้ที่มีอยู่ในแอปเปิ้ลสามารถช่วยควบคุมและยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนแห่งความอยากอาหาร ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลังจากคุณรับประทานแอปเปิ้ลไปซักผลสองผลคุณจะไม่มีความรู้สึกอยากรับประทานอาหารอื่นใดอีกเลย กรดผลไม้ของแอปเปิ้ลยังสามารถช่วยพยุงไม่ให้ระดับของโปรตีนในร่างกายลดต่ำลงและขณะเดียวกันก็ยังช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันถูกดึงมาเก็บสะสมไว้ในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกค่ะ

 

2.ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำใส้

เปลือกสีเขียว ๆ ของแอปเปิ้ลเขียวก็ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นใ­­­ยอาหารที่มีสูงที่ช่วยในระบบการขับถ่ายและทำให้ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเอ็นไซม์ที่จะเผาผลาญสารอาหารช่วยทำให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น พร้อมกันนั้นก็อุดมไปด้วยเพกติกสารคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งซึ่งสามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียร้ายในระบบทางเดินอาหารตัวการที่ทำให้คุณเกิดอาการท้องร่วงค่ะ

 

3.ช่วยเรื่องของผิวพรรณ

นอกจากเรื่องของสุขภาพร่างกายแล้ว เรื่องของความสวยความงามนั้นแอปเปิ้ลเขียวก็ไม่พลาดที่จะมีบทบาทสำคัญอยู่เหมือนกันค่ะ เนื่องจากแอปเปิ้ลเขียวมีวิตามินที่จำเป็นสำหรับผิวพรรณและด้วยที่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณ อย่างเช่น วิตามิน C ซึ่งก็ได้พบว่าในแอปเปิ้ลเขียวจะมีมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ บางประเภทเสียอีกค่ะ และก็พบว่าถ้าเรารับประทานแอปเปิ้ลเขียวทั้งเปลือกนั้นสาร “โพลีฟีนอล” ที่มักจะอยู่ตามเปลือกหรือเนื้อที่อยู่ติดกับเปลือก จะไปช่วยป้องกันผิวพรรณไม่ให้โดนแดดเผาทำลาย ป้องกันยูวีเอและยูวีบีจากแสงแดด เวลาที่เรากัดแอปเปิ้ลทิ้งไว้แล้วสีของเนื้อแอปเปิ้ลเปลี่ยนไปนั่นแสดงว่ามีสาร “โพลีฟีนอล” นั่นเอง ดังนั้นจึงเข้าใจได้ว่าที่ไหนมีสารโพลีฟีนอล พอโดนอากาศก็จะเกิดสนิมเป็นสีน้ำตาลขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะเป็นผักหรือผลไม้ค่ะ

 

4.ช่วยลดคอเลสเตอรอล

แอปเปิ้ลมีสารเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันแยกคอเลสเตอรอลออกมาแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ลจะไปคอยดักจับคอเลสเตอรอลเหล่านั้นและนำไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งค่ะ ง่ายๆก็คือช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันถูกดึงมาเก็บสะสมไว้ในร่างกายเพิ่มเติมอีกนั่นเองค่ะและยังพบว่าแอปเปิ้ลลดคอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชายด้วยค่ะ

 

5.ช่วยลดน้ำตาลในเลือด

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป อาหารแต่ละชนิดก็จะถูกย่อยสลายและดูดซึมผ่านผนังกระเพาะลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอาหารนั้นๆ คนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากๆ จะมีโอกาสเกิดเบาหวานต่ำกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย และสำหรับคนที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยและแอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำสูงมาก จึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นเบาหวานค่ะ

 

6.ช่วยลดการสูญเสียกล้ามเนื้อจากการป่วย

ในคนที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำอยู่เสมอนั้นมักจะมีกล้ามเนื้อที่เฟิร์มและแข็งแรง แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณได้เกิดล้มป่วยขึ้นมานั้น อาจจะทำให้คุณต้องหยุดพักร่างกายจนออกกำลังกายไม่ได้เป็นช่วงเวลาหนึ่ง แน่นอนว่าในขณะที่คุณหยุดพักกล้ามเนื้อส่วนที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาจากการออกกำลังกาย อาจจะมีน้อยลงหรือหายไปบ้าง ซึ่งในจุดนี้เองที่ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะกังวล เพราะการที่กล้ามเนื้อหายไปก็มักจะทำให้รูปร่างที่เคยดูดีนั้นเปลี่ยนไปด้วย แต่สิ่งเหล่านี้สามารถป้องกันได้ โดยการบริโภคแอปเปิ้ลสีเขียวเป็นประจำเพราะในแอปเปิ้ลสีเขียวนั้นประกอบไปด้วยกรดบางชนิดที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ในการเพิ่มพลังและสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อของเราโดยตรงนั่นเองค่ะ

 

7.ช่วยบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ

ด้วยที่ว่าในแอปเปิ้ลนั้นมีวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนอยู่มาก จึงสามารถช่วยบรรเทาหรือป้องกันโรคหวัดและโรคเลือดออกตามไรฟันได้ และแอปเปิ้ลยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้นจึงช่วยได้ทั้งอาการท้องผูกและท้องเสีย ใครที่มีอาการท้องผูกแอปเปิ้ลจึงเป็นผลไม้ในตัวเลือกหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ อีกทั้งยังทำให้ความดันโลหิตค่อยๆ ลดลง เหมาะสำหรับผู้ที่ความดันโลหิตสูงอีกด้วยค่ะ

 

 

www.flickr.com/photos/36328518@N07/3384100342/

www.flickr.com/photos/63723146@N08/8482731764/