HealthGossip

น้ำ

16 ชนิดของอาหารที่ช่วยขับสารพิษจากมลพิษทางอากาศ

Image © michael davis-burchat (License CC BY-ND 2.0) ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสภาพอากาศของประเทศไทยที่ปกคลุมไปด้วยมลพิษของฝุ่นที่อยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพเรานั้น ได้มีผลกระทบส่งผลให้เห็นได้อย่างชัดเจนเบื้องต้นเลยคือ อาการเจ็บคอ ไอ จาม และก็มีอาการเจ็บป่วยตามมา ถึงแม้เราจะสัมผัสไม่ได้เลยทำให้ชะล่าใจว่า ‘’คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง’’ หรือ ‘’ไม่เห็นจะมีอะไรเลย’’ ก็ตาม จนกระทั่งรวมไปถึงการไม่ป้องกันตัวเองเอาเสียเลย เดินตัวปลิวท่ามกลางมลพิษ สูดดมเอามลพิษเข้าไปเต็มปอด ไม่ทำการสวมแมสป้องกันแต่อย่างใด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเกิดผลกระทบและมีอาการต่างๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้น ทางบล็อกของเรามีความห่วงใยและใส่ใจต่อผู้อ่านอันเป็นที่รักที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเขตที่มีมลพิษปกคลุมอย่างหนักหน่วง จึงได้ทำการค้นหาข้อมูลวิธีการดูแลตัวเองจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้มาฝากค่ะ เราต่างก็คงจะทราบกันดีแล้วนะคะว่ามลพิษทางอากาศนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้ โดยที่พิษชนิดต่างๆ เหล่านั้นเมื่อเข้าสู่ร่างกายของเราก็จะไปทำการสะสม ซึ่งพิษเป็นสารพิษที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตหรือเซลล์ที่มีชีวิต เมื่อสารพิษได้ตกค้างและสะสมอยู่ในร่างกายของเรามันก็จะกลายสภาพเป็นรูปแบบของโรค โดยเป็นการเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตใจ ร่างกายของคนเราเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของสมองของเรา ซึ่งร่างกายของคนเราเนี่ยจำเป็นต้องล้างพิษเป็นประจำเพื่อการเผาผลาญอาหารได้ดีและเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นการรักษาร่างกายของเราให้ปลอดจากสารพิษและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาคุณภาพของชีวิตเพื่อให้มีสุขภาพดีไม่เจ็บไม่ป่วยนั่นเองค่ะ ทราบกันหรือไม่คะว่ามลพิษทางอากาศก่อให้เกิดความเจ็บป่วยได้อย่างไร ? คำตอบก็คือ เมื่อคุณหายใจในอากาศที่ไม่ว่าจะมีมลพิษฝุ่นละอองหรือมลพิษอื่นๆ ซึ่งมลพิษเหล่านั้นก็จะแทรกซึมเข้าไปในร่างกายและทำให้เยื่อบุของหลอดลมและปอดพองตัว ซึ่งสิ่งนี้แหละจะนำไปสู่โรคทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ มะเร็งปอด โรคหอบหืด หายใจดังเสียงฮืดๆ ไอ และหายใจลำบาก หากคุณมีภาวะหัวใจและทางเดินหายใจใดๆ ที่มีอยู่แล้วอาการเหล่านี้ก็จะยิ่งแย่ลงที่มาจากการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศนั่นเองค่ะ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องปกติทีจะเกิดขึ้นบ่อยในประเทศไทยเรา […]

11 อาหารที่ควรรับประทานในช่วงเป็นประจำเดือน

ผู้หญิงกับเรื่องของการประจำเดือนที่ต้องเจอและต้องเกิดขึ้นเป็นประจำทุกๆเดือน หลีกเลี่ยงการเป็นประจำเดือนคงไม่ได้เพราะอย่างนี้เรามาเตรียมรับมือโดยการเลือกรับประทานอาหารกันดีกว่าค่ะ ในหัวข้อที่ผ่านมาเราได้พูดถึง “อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงเป็นปรจำเดือน” ไปแล้วนะคะ มีมากมายหลายหลากจนคิดว่ากินอะไรได้บ้างเนี่ย ความจริงแล้วการรับประทานอาหารที่ถูกต้องไม่ได้เป็นแค่การช่วยบรรเทาอาการแย่ๆที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างเป็นประจำเดือน้ท่านั้นหรอกนะคะ แต่อาหารดีดีที่เราจะเลือกรับประทานต่อไปนี้ยังช่วยในเรื่องของสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วยค่ะ ในช่วงระหว่างรอบเดือนของผู้หญิงในระหว่างที่มีประจำเดือนนั้นช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความไม่สุขสบายเอาซะเลย ใช่ไหมล่ะคะ ในบางคนจะต้องมีอาการปวดท้อง ปวดหลัง มีความหงุดหงิดง่าย อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆ แถมยังรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นอีก ความอึดอัดจากฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายในระยะนั้นของเราเกิดการบวมน้ำ และไหนจะยังปวดหัวไม่สบายอ่อนเพลีย บางทีหนักจนไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆได้เลย แน่นอนล่ะเจอแบบนี้เข้าก็คงไม่มีใครแฮปปี้หรอกจริงไหมคะ เนื่องจากอาการไม่สุขสบายเหล่านี้เรียกรวมๆว่า PMS (Pre-menstrual syndrome) อาการเหล่านี้เกิดขึ้นประมาณ 7-10 วันก่อนมีประจำเดือน จากผลการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความเครียด การรับประทานอาหารด้วยเช่นกัน โดยอาการของ PMS จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ อาการทางด้านอารมณ์ นับว่าเป็นปัญหาหลักของผู้หญิงเลยล่ะค่ะ เนื่องจาก PMS จะไปทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ขี้เหวี่ยงขี้วีนง่ายมากกว่าปกตินั่นเอง นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการเครียดและอาการซึมเศร้าก็ส่งผลเสียต่อตัวเองและยังทำให้คนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้อีกค่ะ อาการทางกาย อาการอาจมากหรือน้อยไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล เช่น คัดตึงเต้านม ปวดท้องน้อย ปวดหลัง ปวดหรือเวียนศีรษะ คลื่นไส้ สิวขึ้น […]

Vitamin C คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร

HealthGossip วันนี้จะมาบอกเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องเราของ “วิตามินซี” หลายๆคนคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักวิตามินซีกันใช่ไหมล่ะคะ ส่วนใหญ่ก็คงจะทราบกันว่าวิตามินซีนั้นช่วยให้ผิวของเราขาวใสหรือจะป้องกันอาการไข้หวัดอะไรทำนองนั้น แต่ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวิตามินซีแบบลึกซึ้งให้เข้าใจแจ่มแจ้งกันไปเลยทีเดียวค่ะ ขอเท้าความจากประวัติการค้นพบ วิตามินซี กันก่อนเลยนะคะ วิตามินซีนั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ได้มีการสังเกตว่าพวกทหารเรือที่มีการรอนแรมออกเดินเรือไปในทะเลเป็นเวลานานๆ ซึ่งมักจะขาดแคลนพวกผักสดผลไม้สด มักจะป่วยเป็นโรคลักปิดลักเปิดและสุขภาพไม่ค่อยดีมีอาการอ่อนเพลียอยู่บ่อยๆ แต่ก็มีคนสังเกตเห็นว่าจะไม่พบอาการดังกล่าวในทหารเรือที่รับประทานมะนาวเป็นประจำ ดังนั้นต่อมาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากขึ้นในปี 1982 ก็สามารถหาสารอาหารสำคัญที่เป็นต้นเหตุของโรคดังกล่าวได้ว่าสารที่พวกทหารเรือขาดไปคือ “กรดแอสคอร์บิค (Ascorbic acid)” ซึ่งมันมีฤทธิ์สามารถช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิดได้ ในปัจจุบัน กรดแอสคอร์บิค ก็ถูกรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อของ “วิตามินซี” และมีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลถึง 2 ครั้ง และมีอายุยืนยาวมากกว่า 90 ปีแม้จะป่วยเป็นโรคมะเร็งมายาวนานถึง 20 ปีก็ตาม ท่านนั้นก็คือ Dr.Linus Pauling ชาวเมืองพอรต์แลนด์ ได้เคยพูดไว้ว่า เหตุที่เขาสามารถมีสุขภาพดีและสามารถชะลอการลุกลามของโรคมะเร็งในตัวได้นานกว่า 20 ปี ก็เนื่องจากวิตามินและเกลือแร่ ที่เขารับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินซีซึ่งหลังจากที่เขารับประทานขนาดสูงทุกวัน เขาก็ไม่เคยเป็นหวัดอีกเลย Dr.Linus Pauling เริ่มรับประทาน วิตามินซี ชนิดเม็ดตั้งแต่อายุ 40 ปี และเพิ่มขนาดสูงถึง 18,000 […]

12 เหตุผลแสนมหัศจรรย์ที่เราควรหันมาดื่มน้ำเปล่า

เราคงเคยรู้หรือเคยได้ยินกันมาตลอดกับการดื่ม “น้ำเปล่า” นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะอยู่ดีมีสุขการดื่มน้ำเปล่าก็ยังเป็นส่วนสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ดี ถึงแม้เวลาเจ็บป่วย คุณหมอหรือนักโภชนาการก็ยังคงแนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆอยู่บ่อยๆ ซึ่งนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนการรักษาและบำบัดอยู่เสมอแต่ก็มียกเว้นในบางเคสเท่านั้น และก็คงมีอีกหลายคนอีกนั่นแหละที่ยังไม่ทราบถึงประโยชน์ที่แท้จริงของการดื่มน้ำเปล่า ว่าทำไมถึงต้องดื่มน้ำเปล่า? และต้องดื่มในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะพอดี ถ้าไม่ดื่มน้ำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น? เชื่อว่าทุกคนก็คงจะรู้อยู่แล้วล่ะว่า “น้ำ” เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกายซึ่งขาดไม่ได้ ในภาวะสังคมที่เร่งรีบไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือการดำรงชีวิต การไม่ดื่มน้ำหรือเข้าห้องน้ำเนื่องจากกลัวเสียเวลาจนกลายเป็นความเคยชินทำให้ร่างกายเกิดความคุ้นเคยและทำให้อวัยวะภายในเกิดอาการผิดปกติตามไปด้วย และยังมีอีกหลายคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำกัน บ้างก็กลัวว่าดื่มน้ำมาก ๆ จะทำให้เข้าห้องน้ำบ่อย หรือเหตุผลอีกต่าง ๆ นานา แต่ขอบอกเลยว่าการที่ไม่ดื่มน้ำจะทำให้คุณพลาดประโยชน์ที่แสนจะอัศจรรย์พันแปดของการดื่มน้ำไปอย่างไม่น่าให้อภัยเลยล่ะค่ะ น้ำ คือสารอาหารที่สำคัญที่สุดของร่างกาย เพราะว่า 4/5 ส่วนของน้ำหนักตัวก็คือน้ำ มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายสัปดาห์หากขาดอาหารแต่จะอยู่ได้เพียงไม่กี่วันหากขาดน้ำ โดยน้ำทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายหลักสำหรับอาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยในกระเพาะ แต่ยังไม่มีปริมาณที่ให้ดื่มเฉพาะเจาะจงในแต่ละวัน เพราะการสูญเสียน้ำของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วการดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วต่อวัน วันละประมาณ 2 ลิตร แต่ที่จริงแล้วเวลาและปริมาณในการดื่มหรือความถี่ของการดื่มเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันค่ะ “น้ำเปล่า” นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพราะในร่างกายของมนุษย์ประกอบไปด้วยน้ำถึง 70% ซึ่งระบบภายในของร่างกายมนุษย์ ต้องใช้น้ำในการทำหน้าที่ของระบบร่างกาย เช่น ย่อยอาหาร ทำให้ระบบเลือดหมุนเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้เป็นอย่างดี ขับสารพิษออกจากร่างกาย แต่หากร่างกายของมนุษย์ได้รับน้ำเปล่าในแต่ละวันน้อยจนเกินไปก็จะส่งผลเสียให้กับร่างกาย เช่น เลือดจะมีความเข้มข้นหนืด จนทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายไม่เพียง จะส่งผลให้เส้นเลือดตีบตัน สมองเสื่อมเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ในแต่ละวันร่างกายจะเสียน้ำวันละ 2 […]