Browse Tag: ธัญพืช

20 ชนิดสุดยอดของผักที่มีโปรตีนสูง

Source: Flickr (click image for link)

ขึ้นชื่อว่า “พืชผัก” หลายคนก็จะนึกถึงความสุขภาพดีจากวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหารเป็นอย่างแน่แท้ ก็ใครจะไปนึกว่าพืชผักที่เคี้ยวกรุบกรับๆ อยู่นี่จะมีโปรตีนอยู่ได้ใช่ไหมล่ะคะ สุขภาพที่ดีที่ได้มาจากการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ถือเป็นปัจจัยหลักไม่ว่าจะอยู่ในช่วงที่เราควบคุมน้ำหนักหรือเพื่อรักษาสุขภาพก็ตาม แต่การทราบว่าเราควรเลือกรับประทานอาหารแบบไหนให้เหมาะสมกับความต้องการของเรายังไงนั้นเป็นสิ่งที่หลายๆ คนยังไม่ค่อยทราบและเข้าใจ แต่ก็อย่างว่าสมัยนี้มีสิ่งที่เอื้ออำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าเราจะอยากรู้เรื่องอะไรแค่เราค้นหาทางอินเทอร์เน็ตก็สามารถรู้ได้ไม่ยาก วันนี้มีจึงหัวข้อที่น่าสนใจอยากจะมาแนะนำเกี่ยวกับ ชนิดของผักที่มีโปรตีนสูง ซึ่งอาจจะเหมาะกับคนที่ไม่รับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์เลยอยากได้โปรตีนจากพืชมาทดแทน หรือคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักแต่ก็อยากได้โปรตีนที่ไม่ใช่จากเนื้อสัตว์ คิดว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยถ้าใครที่กำลังมองหาตัวเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพในรูปแบบต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามการเลือกรับประทานอาหารที่หลากหลายย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพที่สมบูรณ์เช่นกันค่ะ การรับประทานอาหารที่แตกต่างหลากหลายหมู่อาหารจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนนั่นเอง โปรตีนจากเนื้อสัตว์บางชนิดจะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายต้องการมากกว่าและครบถ้วนอย่างแน่นอน ในกรณีนี้ให้เป็นทางเลือกรับประทานทดแทนชั่วคราวต่อเหตุผลที่แตกต่างของแต่ละคนค่ะ

 

20 ชนิดสุดยอดของผักที่มีโปรตีนสูง

Source: Flickr (click image for link)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1.ควีนัว

ควีนัวได้ถูกจัดให้เป็นสุดยอดของอาหารซึ่งเป็นพืชที่มีเส้นใยอาหารสูงและแน่นอนว่ามีโปรตีนที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ ในขนาดของควีนัวสุกปริมาณ 1 ถ้วย มีปริมาณของโปรตีนอยู่มากถึง 8.14 กรัม เลยค่ะ

 

2.ผักปวยเล้ง

ผักใบสีเขียวเข้มที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนอย่างผักปวยเล้ง ก็ยกให้เป็นอีกตัวเลือกของผักที่ให้โปรตีนถึง 2.9 กรัม เลยทีเดียว จะเลือกทานแบบสดๆ ในสลัด หรือนำมาปรุงอาหารก็อร่อยได้คุณค่าแบบไม่รู้สึกผิดหลังทานเสร็จอย่างแน่นอน

 

3.ผักเคล

ผักเคลใบสีเขียวเข้มที่นิยมนำมาทำสลัดรับประทานเพื่อสุขภาพแล้วยังถูกจัดให้เป็นสุดยอดของอาหาร ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลยด้วยสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการที่เปี่ยมล้น รวมไปถึงโปรตีนจากผักเคลหั่น 1 ถัวย มีมากถึง 2.9 กรัมเลยทีเดียวค่ะ

 

4.บล็อคโคลี่

ถ้ามองหาผักสีเขียวที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติอร่อยถูกปากไม่ว่าจะลวก ต้ม ผัด ย่าง คงมองข้ามบล็อคโคลี่ไปไม่ได้อย่างแน่นอน และบล็อคโคลี่ก็มีโปรตีนอยู่ไม่น้อย เพียงบล็อคโคลี่ 1 ถ้วยก็มีโปรตีนอยู่ถึง 2.6  กรัม

 

5.หน่อไม้ฝรั่ง

หน่อไม้ฝรั่งเป็นผักที่ส่วนใหญ่จะเห็นเคียงมากับจานของสเต็กและคนไทยจะนิยมนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ต่างๆ และด้วยรสชาติความอร่อยของหน่อไม้ฝรั่งเมื่อรับประทานเข้าไปเพียง 100 กรัม ก็ยังได้รับโปรตีนมากถึง  2.4 กรัม เลยล่ะค่ะ

 

6.ผักสลัดน้ำ

ผักสลัดน้ำ เป็นผักที่อยู่ตระกูลเดียวกันกับกะหล่ำปีซึ่งเราคนไทยนิยมนำมากินเป็นผักสลัดหรือแกล้มกับน้ำพริกก ผักสลัดน้ำนอกจากเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีแล้วยังมีเส้นใยอาหารและวิตามินซีที่สูงด้วยค่ะ ผักสลัดน้ำปริมาณ 100 กรัม มีโปรตีนอยู่ 2.3 กรัม ค่ะ

 

7.อาร์ติโชก

อาร์ติโชกเป็นผักที่ได้ถูกยกให้เป็นแหล่งของใยอาหารสูง หลายๆ คนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับผักชนิดนี้กันมากนัก แต่ก็ไม่ควรมองข้ามนำมาเป็นอีกทางเลือกในการรับประทานเพื่อได้รับโปรตีนจากผักชนิดนี้กันค่ะ อาร์ติโชกปริมาณ 100 กรัม มีโปรตีนอยู่ 3.3 กรัม

 

8.ถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองแบบปรุงสุกได้จัดเป็นแหล่งอาหารของโปรตีนอย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียวค่ะ นอกจากสารอาหารที่มีมากมายแล้วยังมีใยอาหารสูงตามไปด้วย ถั่วเหลืองต้มสุกปริมาณ ๅ ถ้วย มีโปรตีนอยู่สูงมากถึง 28.6 กรัมเลยทีเดียวค่ะ

 

9.ถั่วแระ

ถั่วแระนอกจากจะเป็นแหล่งวิตามิน A, C, Thiamin, ฟอสฟอรัสและธาตุเหล็กที่ดีแล้วปริมาณวิตามินบีและโฟเลตที่พบในถั่วแระก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีเส้นใยอาหารที่สูงและยังเป็นแหล่งของโปรตีนชั้นดี โดยถั่วแระปริมาณ 1 ถ้วย ยังให้โปรตีนถึง 8.6 กรัม

 

10.ถั่วเลนทิล

ถ้าพูดถึงพืชต้องยกให้พืชตระกูลถั่วเลยที่เป็นแหล่งชั้นดีของโปรตีน และถั่วอีกหนึ่งชนิดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ถั่วเลนทิล นั่นเองค่ะ นอกจากนี้ถั่วเลนทิลก็เป็นแหล่งที่ดีของใยอาหาร รวมถงมีปริมาณของโฟเลตสูง ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก ปริมาณโปรตีนจากถั่วเลนทิลต้ม 1 ถ้วย มีปริมาณโปรตีนมากถง 17.9 กรัม เลยค่ะ

 

11.เมล็ดฟักทอง

ส่วนใหญ่เราจะเลือกรับประทานเมล็ดฟักทองเป็นอาหารว่างซะมากกว่า นอกจากจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถช่วยลดความเครียดและการอักเสบของอ๊อกซิเดชั่นแล้วเมล็ดฟักทองยังมีสาร L-tryptophan ที่ไปช่วยกระตุ้นการนอนหลับให้หลับสนิทอีกด้วยค่ะ ในเมล็ดฟักทองคั่วสุกปริมาณ 1 ออนซ์ มีโปรตีนอยู่ถึง 5.2 กรัม

 

12.บีทรูท

บีทรูทเป็นพืชผักและเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน รวมไปถึงแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะ ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า betalains บีทรูทปริมาณ 100 กรัม มีโปรตีนอยู่ 2 กรัม

 

13.มันฝรั่ง

มันฝรั่งสามารถรับประทานทดแทนคาร์โบไฮเดรตจากข้าวได้เลยก็ว่าได้ แต่ถึงแม้ว่าคุณจะได้รับคาร์โบไฮเดรตแต่กลับพบว่ามันฝรั่งก็มีโปรตีนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน มันฝรั่งปริมาณ 100 กรัม มีโปรตีนถึง 2 กรัม ค่ะ

 

14.กะหล่ำดอก

กะหล่ำดอกเป็นพืชที่อาจจะไม่มีโปรตีนสูงเท่ากับผักชนิดอื่นๆ แต่กะหล่ำดอกก็จัดเป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ในการขับสารพิษในร่างกาย ต้านการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยระบบการย่อยอาหารของคุณให้ดีขึ้นอีกด้วย การรับประทานกะหล่ำดอกปริมาณ 100 กรัม จะได้รับโปรตีนมากถึง 1.9 กรัม เลยทีเดียวค่ะ

 

15.ถั่วงอก

การเลือกรับประทานถั่วงอกที่สดสะอาดหรือนำมาปรุงใส่ในอาหารก็ทำให้เกิดอาหารจานโปรดของคุณได้ ด้วยปริมาณโปรตีนในถั่วงอกสุกจะมีโปรตีน 2.5 กรัม อีกทั้งถั่วงอกยังเต็มไปด้วยสารอาหารอื่นๆ อีกด้วย เช่นเลซิตินที่ไปช่วยลดคอเลสเตอรอลและมีแร่ธาตุสังกะสีอีกด้วย่ค่ะ

 

16.เห็ด

เห็ดนอกจาก เป็นอาหารที่แสนอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนากาสูงแล้ว ยังมีสรรพคุณในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วยค่ะ การรับประทานเห็ดปริมาณเพียง 1 ถ้วย ก็ได้รับโปรตีนมากถึง 3 กรัมเลยทีเดียว

 

17.แครอท

แครอทเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามิน และสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญอย่างเบต้าแคโรทีนอยด์ เป็นอีกตัวเลือกของผักที่มีโปรตีนอย่างแครอทที่จะเลือกรับประทานกันค่ะ แครอทปริมาณ 100 กรัม มีโปรตีนอยู่ 0.9 กรัม ค่ะ

 

18.ถั่วแระญี่ปุ่น

ใครจะรู้ว่าถั่วแระญี่ปุ่นตามร้านอาหารญี่ปุ่นที่นิยมเสิร์ฟเป็นอาหารทานเล่นนั้น จะมีโปรตีนอยู่สูงอย่างไม่น่าเชื่อกันเลยทีเดียว ซึ่งถั่วแระญี่ปุ่นแบบต้มสุกปริมาณ 1 ถ้วย ให้โปรตีนสูงถึง  16.9 กรัม เลยล่ะค่ะ

 

19.มะเขือยาว

เมื่อเราเลือกรับประทานมะเขือยาวนอกจากเราจะได้รับเส้นใยและโพแทสเซียมแล้ว ก็จะได้รับโปรตีนมากถึง 1 กรัม ต่อปริมาณ 100 กรัมเลยทีเดียว

 

20.ข้าวโพด

ข้าวโพดเป็นธัญพืชที่ให้รสชาติหวานมีเส้นใยอาหารที่สูง เพียงอยู่ทานข้าวโพดต้มปริมาณ 1 ถ้วย ก็ได้รับโปรตีนไปเต็มๆ ถึง 16 กรัม กันไปเลยค่ะ

 

 

www.flickr.com/photos/frf_kmeron/3150715238/

www.flickr.com/photos/john/3959245280/

15 ชนิดของอาหารที่มีวิตามินบี 1 สูง

Source: Flickr (click image for link)

“วิตามินบี 1” (Vitamin B1) หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไธอะมีน (Thiamine) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ (water soluble vitamine) ซึ่งจะถูกทำลายได้ง่ายด้วยความร้อนที่อยู่ในสารละลายมีฤทธิ์เป็นด่างหรือเป็นกลาง และสามารถทนได้ถึง 120 องศาเซลเซียสถ้าอยู่ในสารละลายที่เป็นกรดค่ะ โดยร่างกายของมนุษย์เราไม่สามารถสังเคราะห์ไธอะมินได้เพราฉะนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหารและจะถูกนำไปใช้จนหมดอย่างรวดเร็วถ้าไม่ได้รับเพิ่มจากอาหาร ในส่วนของหน้าที่สำคัญในการทำงานของไธอะมีนที่มีต่อร่างกายของเราคือ จะไปช่วยร่างกายของเราให้เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตมาเป็นพลังงาน โดยการเร่งการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเป็นหลักรวมถึงโปรตีนและไขมันอีกด้วยค่ะ เนื่องด้วยร่างกายของเราไม่สามารถสังเคราะห์ไธอะมีนได้นอกเสียจากได้รับจากการรับประทานอาหารเท่านั้นอีกทั้งยังถูกนำไปใช้หมดอย่างรวดเร็ว ในบางคนจึงไม่เกิดอาการขาดวิตามินบี 1 ได้ง่ายอาจจะเพราะได้รับวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอ เมื่อร่างกายเราได้รับวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอก็จะทำให้เป็น โรคเหน็บชา ได้ง่ายและก็เกิดได้กับบุคคลทุกกลุ่ม ทุกอายุ เด็กทารกถ้าเป็นโรคเหน็บชา (Infantile beriberi) จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันต่อโรค ซึ่งพบได้มากในประเทศที่รับประทานข้าวที่ผ่านการขัดสีเป็นอาหารหลัก โดยที่ไม่ได้รับอาหารอย่างอื่นที่มีวิตามินบี 1 มาเสริมเพิ่มเติมอย่างเพียงพอ เมื่อร่างกายของเราได้รับวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอก็จะมีสัญญาณเตือนว่าเรามีอาการขาดวิตามินบี 1 โดยที่เราจะรู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้าง่าย เริ่มเบื่ออาหารการกิน นอนก็ไม่ค่อยจะหลับ อารมณ์แปรปรวน สมองมึนงงความคิดสับสนวกวนจากการเสื่อมสภากของระบบประสาท หากขาดรุนแรงก็อาจจะทำให้เกิดอาการทางการเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กัน ชาตามปลายมือปลายเท้า รุนแรงมากขึ้นอาจเป็นอัมพาตและโรคหัวใจวายได้ และการขาดหรือได้รับวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอก็เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ดังนี้ค่ะ

  • รับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 น้อยหรือไม่มีเลย
  • รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปจนไปทำให้ร่างกายต้องใช้ วิตามินบี 1 ไปเยอะในการเผาผลาญสารอาหารคาร์โบไฮเดรตจนทำให้ร่างกายขาด
  • วิตามินบี 1 สามารถถูกทำลายได้จากความร้อนที่เกิดจากการประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนนานเกินไป
  • วิตามินบี 1 จะถูกทำลายและถูกขัดขวางในการดูดซึมเมื่อดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

15 ชนิดของอาหารที่มีวิตามินบี 1 (Vitamin B1) สูง

Source: Flickr (click image for link)

1.เนื้อหมู

ในเนื้อสัตว์ก็มีวิตามินบี 1 หรือไธอะมีนซึ่งจะมีเยอะมากในเนื้อหมูล้วนๆ ยิ่งเลือกรับประทานส่วนที่มีไขมันน้อยยิ่งได้ไธอมีนสูงและได้ประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย ซึ่งเนื้อหมูปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 1.12 มิลลิกรัม

 

2.ปลาเทราท์

เนื้อปลาที่มีวิตามินบี 1 หรือไธอะมีนอยู่มากจะเป็นปลาเทราท์ ถ้าใครไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่ก็เลือกรับประทานปลาแทนได้ค่ะ เนื้อปลาเทราท์ปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.43 มิลลิกรัม

 

3.ข้าวกล้อง

วิตามินบี 1 หรือไธอะมีนจะมีเยอะอยู่ในธัญพืชประเภทข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี แต่บ้านเรานิยมรับประทานข้าวขาวกันซะมากกว่าจึงได้รับวิตามินบี 1 น้อย ลองเปลี่ยนมาทานข้าวกล้องกันดูค่ะ ซึ่งข้าวกล้องปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.55 มิลลิกรัม

 

4.เมล็ดทานตะวัน

ธัญพืชตรกูลถั่วมีไธอะมีนอยู่สูงด้วยกันหลายชนิดและเมล็ดทานตะวันเป็นอีกหนึ่งในธัญพืชตระกูลถั่วที่มีไธอะมีนอยู่สูง เมล็ดทานตะวันปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 1.48 มิลลิกรัม

 

5.แมคคาเดเมีย

แมคคาเดเมียเป็นถั่วเมล็ดกลมๆ สีขาวนวล รสชาติกลมกล่อมเหมาะกับเป็นอาหารว่างทานเล่นเพลินๆ แต่หารู้ไม่ว่าแมคคาเดเมียปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.71 มิลลิกรัม

 

6.ถั่วลันเตา

ถั่วลันเตาสีเขียมลูกกลมกลิ้งก็เป็นอีกตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาอาหารชนิดที่มีไธอะมีนสูงค่ะ ถั่วลันเตาปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.386 มิลลิกรัม

 

7.ขนมปังโฮลวีท

ขนมปังชนิดโฮลวีทนอกจากจะมีประโยชน์ในด้านไฟเบอร์สูงแล้วยังมีวิตามินบี 1 อยู่สูงด้วยเช่นกัน ขนมปังโฮลวีทปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.47 มิลลิกรัม

 

8.งาดำ

งาทุกชนิดมีประโยชน์และไธอะมีนอยู่สูงเช่นกันโดยเฉพาะงาดำ ซึ่งงาดำปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.142 มิลลิกรัม

 

9.สควอช

ผลสควอชเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับฟักทองและก็มีลักษณะรสชาติคล้ายกับฟักทองด้วยเช่นกันค่ะ สควอชปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.17 มิลลิกรัม

 

10.หน่อไม้ฝรั่ง

พืชผักอย่างหน่อไม้ฝรั่งก็ถือเป็นแหล่งไธอะมีนด้วยเหมือนกันค่ หน่อไม้ฝรั่งปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.19 มิลลิกรัม

 

11.ถั่วแระ

ถั่วแระถือเป็นอาหารทานเล่นของชาวญี่ปุ่นที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย และรสชาติของถั่วแระก็ถูกปากคนไทยบ้านเราอยู่ไม่น้อย ซึ่งถั่วแระปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.40 มิลลิกรัม

 

12.ถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีโปรตีนสูงและสารอาหารมากมายรวมถึวิตามิบี 1 ด้วยค่ะ ถั่วเหลืองดิบปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.73 มิลลิกรัม

 

13.ข้าวเหนียวดำ

บ้านเรามีข้าวหลากหลายประเภทให้เลือกรับประทานถือว่าโชคดีค่ะ และข้าวเหนียวดำถือว่ามีประโยชน์สูงโดยเฉพาะเป็นแหล่งวิตามินบี 1 โดยข้าวเหนียวดำปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.55 มิลลิกรัม

 

14.ผักปวยเล้ง

ผักปวยเล้งเป็นพืชที่ประโยชน์ล้นเหลือจริงๆค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าผักปวยเล้งก็จัดอยู่ในผักที่ให้ไธอมีนสูงเช่นกัน โดยผักปวยเล้งปริมาณ 1 ช่อ มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.265 มิลลิกรัม

 

15.ถั่วพิตาชิโอ

ใครที่ชอบกินถั่วเป็นของว่างทานเล่นนี้ถือว่ามาถูกทางค่ะ พืชตระกูลถั่วนี้ถือว่าเป็นแหล่งไธอะมีนเลยทีเดียว ถั่วพิตาชิโอปริมาณ 1 ออนซ์ มีวิตามินบี 1 อยู่ประมาณ 0.247 มิลลิกรัม

 

 

 

www.flickr.com/photos/sierravalleygirl/1603076490/

www.flickr.com/photos/97513256@N06/9042013683/

15 อาหารว่างที่กินแล้วอิ่มและไม่ทำให้อ้วน

eating-foods-1
Source: Flickr (click image for link)

Snack หรือ อาหารว่าง ที่เราชอบรับประทานเล่นระหว่างมื้อหนัก หรือบางทีอาหารว่างบางชนิดก็อาจจะกลายเป็นมื้อหนักได้เช่นกัน ก็เนื่องจากพลังงานแคลอรี่ที่สูงพุ่งปรี๊ดกว่าอาหารมื้อหลักที่เราทานกันซะอีก โดยเฉพาะในสาวๆ อย่างเรา ชอบรับประทานอาหารหลายมื้อยิบย่อย นู่นก็อยากกิน นี่ก็น่าทานไปซะหมด กินจุกจิกเป็นว่าเล่นได้ทุกวัน บอกแค่ชิมกินไปกินมามันก็เพลินหันมาอีกทีเอ้าหมดและ ถึงแม้ว่าที่เรากินๆกันไปมันก็อร่อยถูกปาก อิ่มท้อง สบายตัว แต่ว่าหลังจากนั้นล่ะคะ น้ำหนักที่บอกว่ากำลังควบคุมอยู่กลับกลายเป็นว่าต้องมาปลอบใจตัวเองและบอกว่า พรุ่งนี้ค่อยลด? น้ำหนักที่ขึ้นมาราวกับจรวดนั้นก็อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราไม่ชอบ แต่ทว่าอาหารว่างบางชนิดมันยังไปกระทบกับสุขภาพด้านอื่นๆ ของเราด้วยเช่นกันค่ะ การหักห้ามใจไม่ให้ทานของว่างในดวงใจรสเลิศมันอาจจะยาก แต่ผลที่ตามมามันอาจจะยุ่งยากในการแก้ไขกว่าหรือบางทีอาจจะสายเกินแก้ก็เป็นได้ค่ะ วันนี้ทาง HealthGossip ก็ไม่ใจร้ายแล้วบอกว่า ห้าม กินซะทีเดียวนะคะ สุขภาพของเรา ต่อให้มีเงินเป็นหลายล้านแต่ถ้าไม่เลือกซื้ออาหารที่มีคุณค่าต่อสุขภาพเราทานแล้ว บางทีเราก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพที่มันแย่ลงให้กลับมาดีดังเดิมได้ค่ะ วันนี้ขอนำเอาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารว่างที่รับประทานแล้วไม่ทำให้อ้วนที่ทั้งทานแล้วอิ่มแถมยังดีต่อสุขภาพมาเสนอกันค่ะ

 

15 อาหารว่างที่กินแล้วอิ่มและไม่ทำให้อ้วน

mix-peanuts-1
Source: Flickr (click image for link)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1. ช็อคโกแลต

คงเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่สาวต้องมีติดตู้เย็นเพื่อรับประทานอย่างแน่นอน แต่ขอให้เลือกดูสักนิดนึงก่อนซื้อ ช็อกโกแลตที่ควรเลือกรับประทานควรมีปริมาณส่วนผสมของโกโก้เยอะที่สุดยิ่งเยอะยิ่งดี ควรมีที่ 70% ขึ้นไป หรือที่เราเรียกกันว่า ดาร์กช็อกโกแลต นั่นแหละค่ะ ช็อคโกแลตบาร์ขนาด 28 กรัม ให้พลังงานเพียงแค่ 150 กิโลแคลอรีเท่านั้น นอกจากจะช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นแล้วสารต่อต้านอนุมูลอิสระยังมีมากมายเชียวล่ะค่ะ

 

2. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ

โยเกิร์ตขอให้เลือกเป็นรสธรรมชาติ ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำเชื่อม ไซรัป หรือน้ำตาลนะคะ นอกจากโปรตีนจากโยเกิร์ตจะช่วยทำให้เราอิ่มท้องแล้ว จุลินทรีย์ชนิดโพรไบโอติกส์ยังช่วยในเรื่องของสุขภาพในส่วนของระบบขับถ่าย ช่วยแก้ปัญหาท้องอืด และยังเป็นอาหารว่างที่ให้พลังงานแคลลอรี่ที่ต่ำอีกด้วยค่ะ ยังไงโยเกิร์ตก็เป็นอีกตัวเลือกที่ควรหยิบมาใส่ตะกร้าและมาเก็บไว้ในตู้เย็นที่บ้านนะคะ ดูซีรี่ย์เพลินๆ ตักโยเกิร์ตเย็นๆ เข้าปากไป อะไรจะฟินปานนั้น

 

3. เมล็ดธัญพืชต่างๆ

เมล็ดธัญพืชต่างๆ จำพวกอัลมอนด์ เมล็ดมะม่วงหิมะพาน พิตาชิโอ เมล็ดแตงโม หรือเมล็ดทานตะวัน อย่างที่หลายๆคนทราบดีว่าเมล็ดธัญพืชนั้นมีสารอาหารที่ดีมากมาย ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และกรดไขมันที่ดีต่อร่างกาย อีกทั้งไฟเบอร์ยังช่วยทำให้อิ่มท้องได้นาน ไม่หิวบ่อยอีกด้วยค่ะ แต่อย่างไรทานเยอะไปก็ไม่ดีเนื่องจากจะทำให้อ้วนได้เหมือนกัน ทานแค่วันละ 1 กำมือกำลังพอดีค่ะ

 

4. สาหร่ายอบกรอบ

เป็นอีกหนึ่งของอาหารว่างที่หลายๆ คนคงชอบกัน รสชาติอร่อยและรับประทานได้เพลินๆ กันเลยทีเดียวสำหรับสาหร่ายอบกรอบ ย้ำว่าเป็นสาหร่ายที่ผ่านการอบไม่ใช่แบบทอดน้ำมันนะคะ ความจริงแล้วถ้าจะให้ดีควรเป็นสาหร่ายแบบสดจะให้คุณประโยชน์มากกว่า แต่สำหรับคนไทยอย่างเราคงจะนำเอามารับประทานเป็นของว่างลำบาก ในส่วนของสาหร่ายสดนั้นมีส่วนประกอบที่สำคัญอย่างเช่นวุ้นและเส้นใย ที่จะสามารถช่วยลดปริมาณการสะสมไขมันส่วนเกินของร่างกายเราได้เป็นอย่างดี เช่น ซุปสาหร่าย ซูชิห่อสาหร่าย และข้าวห่อสาหร่าย

 

5. กาแฟดำ

เครื่องดื่มคงเป็นอีกของว่างชนิดหนึ่งที่คนไทยต้องมีไว้ดื่มกันเพลินๆ ตัวเลือกที่ควรสั่งซื้อก็เช่น อเมริกาโน่ จะร้อนจะเย็นได้หมด เนื่องจากอเมริกาโน่เป็นกาแฟที่ไม่ใส่ส่วนผสมอื่น ๆ นอกจากกาแฟเพียวๆ ซึ่งตอนแรกอาจจะยากในการดื่มสักหน่อยในคนที่ชอบดื่มน้ำหวาน ขั้นแรกเราอาจจะผสมนมพร่องมันเนยลงไปแล้วอาจจะทำให้ดื่มได้ง่ายขึ้นค่ะ กาแฟดำให้ประโยชน์มากมายและเหมาะกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างมากเลยค่ะ

 

6. ขนมปังโฮลวีท

ขนมปังโฮลวีทเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าขนมปังขาว เนื่องจากขนมปังโฮลวีทเป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทเชิงซ้อนที่มีกากใยอาหาร ช่วยให้เราอิ่มท้องนานและค่อยๆ ย่อยช้าๆ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่อีกด้วย ช่วยในเรื่องควบคุมน้ำหนักแล้วยังช่วยเรื่องของสุขภาพอีกด้วย แบบนี้แล้วจะไม่เลือกใส่ตะกร้าได้ไง เอาไว้เป็นอีกตัวเลือกของอาหารว่างกันเลยจ้า แต่ยังไงก็อย่าลืมว่าทานแต่พอดีวันละแผ่นสองแผ่นก็พอนะจ๊ะ

 

7. แอปเปิ้ลเขียว

ของว่างที่ไว้ทานเล่น ใช่ว่าจะเป็นแค่พวกขนมขบเคี้ยวซะเมื่อไหร่ ผลไม้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ ให้ทั้งใยอาหารและวิตามินที่ดี อย่างแอปเปิ้ลเขียวหรือจะเป็นแอปเปิ้ลสีอื่น ๆก็ได้เหมือนกัน แต่ที่ให้เลือกแอปเปิ้ลเขียวเนื่องจากแอปเปิ้ลเขียวให้พลังงานน้อยและในแอปเปิ้ลเขียวนั้นมีเอ็นไซม์ที่สามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ค่ะ อีกทั้งยังมีเอ็นไซม์ที่จะเผาผลาญสารอาหารช่วยทำให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น นอกจากเหมาะในคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักยังช่วยบำรุงผิวให้ดีขึ้นจากวิตามินต่างๆ

 

8. น้ำชา

น้ำชา เป็นเครื่องดื่มที่อยากแนะนำให้ดื่มเป็นเครื่องดื่มยามว่าง ควรดื่มน้ำชาที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือครีมเทียม ควรเป็นชาแท้ๆ ไม่ว่าจะชาเขียวหรือชาจีนถ้าดื่มแบบร้อนๆ นอกจากได้รับสารแอนตี้ออกซิแดนท์อย่างเต็มที่แล้ว ยงช่วยทำให้เราไม่อ้วนอีกด้วย การดื่มน้ำชาสามารถทำให้ร่างกายของเรากระชุ่มกระชวน ร่างกายสดชื่น เพราะน้ำชามาส่วนประกอบของน้ำ สำหรับน้ำชาร้อน ๆ หรือน้ำชาอื่น ๆ สามารถช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้อย่างดีด้วยค่ะ

 

9. ป๊อบคอร์น

ใครจะรู้ว่าอาหารยามว่างอย่างป๊อปคอร์นก็จัดว่าเป็นเมนูที่ทานได้ เนื่องจากป๊อบคอร์นนั้นทำมาจากธัญพืชอย่างข้าวโพดซึ่งมีไฟเบอร์ค่อนข้างสูงพอตัว อีกทั้งยังจัดอยู่ในกลุ่มสแน็กแค­ลอรีต่ำอีกตด้วย โดยป๊อปคอร์นประมาณ 3 ถ้วยตวงพูน ๆ จะให้พลังงานประมาณ 150 กิโลแคลอรีเท่านั้น ควรเลือกป๊อปคอร์นที่ไม่ปรุงแต่งด้วยน้ำตาลหรือเครื่องปรุงแต่งด้วยอื่น ๆ ที่มีรสชาติหวานค่ะ

 

10. แตงโม

แตงโมเป็นผลไม้ที่สามารถกินเล่นได้โดยไม่ทำให้อ้วน รับประทานเป็นอาหารว่างแบบเย็นๆ ก็ไม่เลว สำหรับแตงโมนั้นนอกจากให้ความชุ่มช่ำและสดชื่นแล้ว ยังมีวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจำนวนมาก อีกทั้งเส้นใยอาหารยังทำให้เรากินแล้วอิ่มไวและช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้เป็นอย่างดีค่ะ หรือจะนำมาปั่นใส่น้ำแข็งเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นไม่เบาค่ะ

 

11. ถั่วลิสง

ถั่วลิสง เป็นอาหารว่างที่ดีและมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ ช่วยลดความอยากอาหารได้อย่างดีเลยค่ะ ซึ่งก็เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบกินจุกจิกระหว่างวันได้ไม่น้อย ถั่วลิสงมีโปรตีนที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ถึง 90% และมีกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการถึง 8 ชนิด คุณสามารถทานถั่วได้ ไม่เกิน 1 กำมือ เพราะถั่ว 10 เม็ด ให้แคลอรี่ประมาณ 45 กิโลแคลอรี่ ยังไงก็ตามทานน้อยก็ดีตรงที่ไม่ทำให้แน่นท้อง และเกิดแก๊ซ

 

12. ปลาเส้นอบไมโครเวฟ

ปลาเส้นถือว่าเป็นเมนูอาหารว่างทานเล่นที่หลายๆ คนชอบ แต่ถ้าจะทำให้ดูเป็นอาหารทานเล่นที่ไม่น่าเบื่อก็ลองเอาไปอบในไมโครเวฟให้พอกรอบ กรุบกรับ อย่างนี้ได้เป็นอาหารว่างที่แสนเพลินเลยทีเดียว ในปลาเส้นมีโปรตีนและให้พลังงานน้อยเหมาะกับเป็นอาหารว่างระหว่างวันได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

 

13. นมถั่วเหลือง

นมถั่วเหลืองนับว่าเป็นเครื่องดื่มที่ควรเลือกดื่มอีกหนึ่งตัวเลือกเลยค่ะ นอกจากจะมีสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ประกอบไปด้วยสารอาหารที่ครบทั้ง 5 หมู่ อย่าง โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบโฮเดรต, เกลือแร่และวิตามินแล้ว โดยเฉพาะโปรตีนที่ได้จากถั่วเหลืองยังมีกรดอะมิโนมากมายที่เหมาะมากๆ กับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักและรักสุขภาพ อีกอย่างถ้าจะให้ดีขอเป็นนมถั่วเหลืองน้ำตาลน้อยนะคะ

 

14. ผัก ผลไม้อบกรอบ

ผัก ผลไม้ที่นำมาอบกรอบรับประทานแทนมันฝรั่งทอด อย่างเช่น แครอท บีทรูท ฟักทอง หรือผักโขม ผักปวยเล้งอบกรอบ เป็นของขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะมากๆกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ๆ นำผัก ผลไม้เหล่านี้มาอบแล้วทานเป็นของว่างระหว่างวัน อย่างนี้ได้เคี้ยวเพลินกันทั้งวันเลยแหละ

 

15. เม็ดแมงลัก

เม็ดแมงลักเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อในด้านการลดน้ำหนัก คนที่กำลังควบคุมน้ำหนักจะทราบกันดี เราจึงเอาเม็ดแมงลักมาเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เลือกทานในมื้อว่าง ในเม็ดแมงลักมีวิตามินเอที่สูงกับเส้นใยละลายน้ำ (Soluble fiber) ที่ดูเป็นวุ้นใส เมื่อแช่น้ำนั้นจะช่วยพองในท้องให้เราอิ่มได้นานแต่ไม่ทำให้อ้วนค่ะ จะผสมกับนมถั่วเหลืองแล้วดื่มก็อร่อยไม่เบานะคะ

 

 

www.flickr.com/photos/merlijnhoek/15118978670/

www.flickr.com/photos/jocelyndurston/11247008/

7 คุณประโยชน์จากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน

whole-wheat-bread-1
Source: Flickr (click image for link)

‘’คาร์โบไฮเดรตชนิดที่ดี’’ มีด้วยหรอ? หลายคนที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนักก็คงจะทราบกันดีว่าตัวการที่ทำให้เรามีสัดส่วนเกินนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตนั่นเอง โดยเฉพาะในสาวๆ คงจะทำใจยากซักหน่อยที่จะต้องจำกัดหรือหลีกเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เนื่องจากอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเปรียบเสมือนอาหารหลักของเราเลยทีเดียว ไหนจะข้าว ขนมหวาน เครื่องดื่มชา กาแฟปั่นทั้งหลายมันช่างหอมหวานยั่วยวนใจเราเหลือเกิน การควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่จะให้ไม่รับประทานเลยก็ไม่ได้เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตนั้นเป็นสารอาหารหลักที่ให้พลังงานแก่ร่างกายของเราค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็ควรที่จะเลือกรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ดีให้แก่ร่างกายของเราดีกว่า ไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักเท่านั้นแต่ยังช่วยในเรื่องของสุขภาพของเราอีกด้วยค่ะ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าคาร์โบไฮเดรตนั้นจำแนกออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 2 กลุ่มค่ะ นั่นก็คือ กลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple Carbohydrate) และ กลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carbohydrates) ดังนี้

  1. คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple Carbohydrate) เป็นคาร์โบไฮดรตย่อยง่าย จำพวก แป้งขัดขาว ข้าวขาว ขนมปังขาว น้ำตาล รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ผ่านการแปรรูป โดยเมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้วกระบวนการทำงานของคาร์โบไฮเดรตจะทำการเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ง่ายและรวดเร็ว หรือเกือบจะทันทีที่เรารับประทานเข้าไป โดยจะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างฉับพลัน ทำให้รู้สึกมีพลังงานขึ้นทันที อย่างไรก็ตามถ้าเกิดน้ำตาลที่เข้าสู่ร่างกายในรูปแบบของพลังงานมากเกินความจำเป็น พลังงานส่วนที่เหลือก็จะถูกจัดเก็บและแปรเปลี่ยนเป็นไขมันที่สะสมตามร่างกายของเราในที่สุด อีกทั้งถ้าระดับในเลือดสูงเกินไปก็จะไปทำให้ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินออกมาเพื่อลดระดับน้ำตาลให้อยู่ในภาวะปกติซึ่งจะไปทำให้ตับอ่อนของเราทำงานหนักจนเกินไป และเมื่อถึงจุดที่ฮอร์โมนอินซูลินถูกผลิตออกมามากจนเกินไปจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างรวดเร็วและทำ ให้รู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าเดิม หากเป็นมากอาจหน้ามืดเป็นลม ซึ่งเป็นกระบวนการที่นำไปสู่การเป็นโรคเบาหวาน นั่นก็คือการผลิตฮอร์โมนอินซูลินบกพร่องค่ะ
  2. คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carbohydrates) เป็นคาร์โบไฮเดรตย่อยยาก ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตหรืออาหารประเภทแป้งที่ไม่ผ่านกระบวนการขัดสี หรือแทบไม่จะไม่ผ่านกรรมวิธีดัดแปลงใด ๆ มาเลย จำพวก แป้งไม่ขัดขาว ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังธัญพืช (โฮลวีต) เมล็ดพืช ธัญพืชเผือก มัน ข้าวโอ๊ต ถั่ว ผักสีเขียวและเหลือง มันหวาน และผักที่มีแป้งสูง ได้แก่ ผักหัวต่างๆ ผลไม้บางชนิด เนื่องจากเป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทที่ไม่ผ่านการขัดสีใดๆ จึงคงคุณค่าสารอาหารไว้อย่างเต็มเปี่ยมจำพวก วิตามิน แร่ธาตุบางชนิดรวมถึงเส้นใยอาหาร ร่างกายจึงได้รับคุณประโยชน์จากแป้งชนิดนี้เข้าไปเต็มๆ โดยที่แทบไม่กระทบไปถึงระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งร่างกายจะค่อยๆ ดูดซึมสารอาหารจากแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี และในกระบวนการเปลี่ยนจากแป้งเป็นน้ำตาลก็จะช้ากว่าแป้งขัดขาว ทำให้ร่างกายได้พลังงานต่อเนื่องยาวนานรวมทั้งระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มคงที่สม่ำเสมอทำให้มีพลังงานต่อเนื่อง ไม่หิวบ่อยค่ะ

 

 

7 ประโยชน์จากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน

 

1.ช่วยในการขับถ่ายและป้องกันมะเร็งลำใส้

สำหรับคาร์โบไฮเดรตเซิงซ้อนหรืออาหารในกลุ่มแป้งชนิดที่ดี มักจะรู้จักกันในคำว่า “ใยอาหาร” พบอยู่มากในเยื่อหุ้มเมล็ดและพืชผัก จึงมีประโยชน์ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ช่วยขับถ่ายสารพิษในร่างกายผ่านของเสียได้มากขึ้น และด้วยคาร์โบไฮเดรตเซิงซ้อน เป็นกลุ่มแป้งที่ไม่ผ่านกระบวนการดัดแปลง, ขัดสี หรืออย่างน้อย ๆ ก็ควรผ่านกระบวนการเหล่านี้มาเบาที่สุด จึงทำให้ร่างกายทำการย่อยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อที่จะได้ดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินได้อย่างครบถ้วนที่สุดค่ะ

 

2.ทำให้อิ่มนาน ไม่หิวบ่อย

เนื่องด้วยกระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเกิดขึ้นช้า ดังนั้นจึงทำให้ร่างกายมีพลังงานต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเรารับประทานเข้าไปก็ก็จะทำให้อิ่มอยู่ท้องได้นาน ทำให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย อีกทั้งยังให้พลังงานสูงในขณะที่ให้แคลอรี่น้อยด้วยค่ะ

 

3.ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่

คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนั้นเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะค่อยๆ ถูกย่อย คือร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อยให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวก่อนที่จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายที่ผนังเซลล์ลำไส้เล็กและเข้าสู่กระแสเลือดต่อไป เนื่องจากในแป้งไม่ขัดขาวยังมีคุณค่าอย่างอื่นอีกเช่นวิตามิน แร่ธาตุบางชนิดรวมถึงเส้นใยอาหาร ดังนั้นร่างกายจึงค่อยๆ ดูดซึมสารอาหารจากแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี ในกระบวนการเปลี่ยนจากแป้งเป็นน้ำตาลจึงช้ากว่าแป้งขัดขาว ทำให้ร่างกายได้พลังงานต่อเนื่องยาวนาน และระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มคงที่สม่ำเสมอค่ะ

                                                                                                                       

4.ช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง

เนื่องจากในในคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนี้อุดมไปด้วยวิตามินจากธรรมชาติ, เกลือแร่, เอนไซม์, และไฟโตนิวเทรียนท์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งจะไปช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังและบำรุงสุขภาพร่างกายให้ฟิตเฟิร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

 

5.ให้แคลอรี่ต่ำเหมาะกับคนที่ควบคุมน้ำหนัก

ด้วยค่าความหนาแน่นของพลังงานในอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ยกเว้นถั่วและธัญพืช) จะค่อนข้างต่ำ ถึงแม้ว่าเราจะรับประทานเข้าไปเยอะแต่ก็ยังให้พลังงานแคลอรี่กับร่างกายน้อย อีกทั้งยังอิ่มและอยู่ท้องมากกว่า ไม่เหมือนอาหารที่มีความหนาแน่นของพลังงานสูง เช่น ของหวานหรือน้ำหวานต่าง ๆ ที่กินยังไม่ทันอิ่มก็ให้แคลอรี่ที่สูงและยังทำให้อยากกินเพิ่มอีกเรื่อยๆ เพราะเหตุนี้อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จึงเป็นเหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหารอยู่แต่ยังอยากที่จะเลือกทานอาหารพวกข้าว แป้งบ้าง

 

6.ช่วยลดคอเลสเตอรอล

คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมี “เส้นใยอาหาร” อยู่สูง พบมากในเยื่อหุ้มเมล็ดและพืชผัก อาหารในกลุ่มนี้นอกจากให้พลังงานกับร่างกายน้อยแล้ว ใยอาหารบางชนิดที่สามารถละลายในน้ำได้เกิดเป็นเจล ก็จะช่วยทำให้อาหารที่รับประทานพร้อมกันนั้นถูกย่อยช้าลง และลดการดูดซึมของน้ำตาล คอเลสเตอรอลที่เข้าสู่ร่างกายด้วยค่ะ

 

7.ช่วยระบบการเผาผลาญในร่างกาย

คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะไปช่วยกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกายให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นบรรดาไขมันส่วนเกินก็จะถูกเบิร์นออกไปอย่างง่ายดายค่ะ

 

 

www.flickr.com/photos/eltpics/9138316252/

  • 1
  • 2