Browse Tag: pain

20 สุดยอดผลไม้ที่ช่วยระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น

painful-1
Source: Flickr (click image for link)

สมัยนี้ปัญหาสุขภาพมากมายรุมล้อมรอบกาย ตั้งแต่เบาไปจนถึงหนักและที่แปลกส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากการรับประทานอาหารที่ผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะด้วยเนื่องจากปัจจัยต่างๆที่เป็นผลกระทบต่อการรับประทานอาหารให้ถูกต้องเช่น สภาพสิ่งแวดล้อม เวลา การที่ไม่รู้ว่าต้องทานแบบไหนหรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันที่ทำให้เลือกรับประทานสิ่งที่ง่ายและสะดวกที่สุดจากร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน จะอย่างไรก็แล้วแต่ยังไงเมื่อเกิดปัญหาก็ควรที่จะแก้ที่ต้นเหตุ ถึงแม้จะเป็นปัญหาเล็กๆ แต่ป้องกันไว้ก่อนก็ดีกว่าปล่อยให้ลุกลามใหญ่โตหรือแย่ไปกว่านี้ค่ะ วันนี้จะพูดถึงการขับถ่ายที่แสนยากลำบากและคงไม่มีใครอยากจะพบเจอ ไม่ว่าจะลองทำมาทุกวิถีทางก็แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นให้ขับถ่ายออกมาได้อย่างสะดวกได้เลย ไหนจะเกิดปัญหาอุจจระแข็ง เบ่งลำบาก สุดท้ายการไม่อุจจระนานๆ ก็อาจจะนำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ในที่สุด การเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้องและถูกเวลาก็สามารถช่วยคุณได้ค่ะ และ HealthGossip จึงอยากจะนำเอาข้อมูลของสุดยอดผลไม้ที่ช่วยให้คุณขับถ่ายง่าย สบายโล่งมาเสนอให้เลือกสรรค์กันนอกจากจะเป็นผลไม้ใกล้ตัว หาง่ายแล้วยังดีต่อสุขภาพขนาดนี้ ไปดูกันค่ะว่ามีผลไม้อะไรบ้าง ….

 

20 สุดยอดผลไม้ที่ช่วยระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น

fruits-for-sale-1
Source: Flickr (click image for link)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1.ลูกพรุน

หลายคนคงรู้จักลูกพรุนกันดีว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยระบายโดยธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติเด่นของลูกพรุนที่ไปช่วยในเรื่องการขับถ่ายนั่นเอง โดยลูกพรุนจะช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มและขับถ่ายออกได้ง่ายขึ้น และยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอความแก่ บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา ทั้งยังช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงอีกด้วย

 

2.กล้วยสุก

ผลไม้กล้วยๆ ที่คุณสมบัติไม่กล้วยซึ่งถือว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนก็ถือว่ามีประโยชน์ทั้งนั้น ดังนั้นการเลือกรับประทานกล้วยในเวลาที่ยากจะขับถ่ายจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีค่ะ นอกจากจะช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้นจากเส้นใยอาหารในกล้วยสุกแล้ว สารอาหารในกล้วยยังไปช่วยลดอาการท้องผูกได้อย่างเห็นผลดีเลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลของระบบขับถ่ายให้เป็นปกติได้อีกด้วย โดยเฉพาะในผลกล้วยน้ำว้าสุกที่ประกอบไปด้วยเพกตินค่อนข้างสูงและไฟเบอร์ที่ช่วยเพิ่มกากอาหารให้ลำไส้แล้ว ในกล้วยน้ำว้ายังมีเมือกลื่นที่ช่วยให้การขับถ่ายสะดวกยิ่งขึ้น

 

4.แอปเปิ้ล

ความจริงแล้วแอปเปิ้ลเป็นผลไม้อีกชนิดที่หารับประทานได้ง่ายและประโยชน์ล้นปริ่มไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ลสีไหนก็มีคุณค่าไม่ต่างกัน โดยเฉพาะในแอปเปิ้ลเขียวนั้นอุดมไปด้วยไฟเบอร์ถึง 4.4 กรัม ต่อ 1 ผล ยิ่งกินแอปเปิลเขียวทั้งเปลือกก็จะช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดีค่ะ แอปเปิ้ลนั้นมีสารแพคตินที่ช่วยเพิ่มกากใยให้กับทางเดินอาหาร จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้วิตามินซีที่ช่วยป้องกันโรคหวัด ป้องกันโรคลักปิดลักเปิดและยังช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย

 

5.มะละกอสุก

มะละกอมีน้ำย่อยธรรมชาติในตัวเอง ที่เรียกว่าเอนไซม์ชื่อปาเปน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ที่สามารถช่วยกำจัดคราบโปรตีนเก่าๆ ที่ย่อยไม่หมดจนขัดขวางการขับถ่ายของลำไส้ออกไปได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นยาระบายอ่อนๆ กันเลยทีเดียว คราวนี้ของเสียก็จะถูกลำเลียงอย่างสะดวกไม่ต้องนั่งแช่ในห้องน้ำให้ทรมานต่อไป

 

6.มะม่วงสุก

ในประเทศไทยเรามีผลไม้มากมายให้เลือกรับประทานกันอยู่ตลอดๆ นับว่าเป็นโชคดี ผลไม้ขึ้นชื่อของไทยที่ใครๆ ก็รู้จักคงหนีไม่พ้นมะม่วงสุข ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีมะม่วงให้กินได้ตลอดทั้งปี แต่โดยธรรมชาติมะม่วงจะออกผลในช่วงฤดูร้อน และถ้าได้กินมะม่วงสุกคาต้นล่ะก็หวานอร่อยกว่ามะม่วงนอกฤดูเป็นไหนๆ ในมะม่วงสุหนั้นมีเอนไซม์ที่ชื่อปาเปน มีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ที่จะช่วยทําให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วเช่นเดียวกับโปรเมลิน และถึงมะม่วงจะไม่ได้มีสรรพคุณที่ช่วยย่อยโดยตรงแต่ก็มีสารเพกทินที่ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น ทำให้ง่ายต่อการขับถ่ายค่ะ

 

7.มะขามเปียก

ถ้าเกิดอาการท้องผูกถึงขนาดที่ถ่ายยากหรือถ่ายไม่ออกมาเป็นเวลานานแล้วล่ะก็ ลองดื่มน้ำมะขามเปียกโดยการนำมะขามเปียก 1 ก้อนขนาดพอดีมือต่อน้ำอุ่นประมาณ 3 แก้ว จากนั้นใช้ช้อนบี้ ๆ จนได้น้ำมะขามข้นๆ แล้วก็นำมาดื่มให้หมดแก้วก่อนเข้านอนสัก 2-3 ชั่วโมง ตื่นเช้ามารับรองว่าจะโล่งสบายท้อง แต่หากท้องผูกแบบเบาๆ ไม่หนักมาก ก็อาจนำมะขามเปียกที่แกะเมล็ดออกแล้วมาจิ้มเกลือกินเล่นๆ สัก 5-10 ฝักก็สามารถช่วยได้ค่ะ และอย่าลืมดื่มน้ำตามมาก ๆ ด้วยล่ะ

 

8.ส้ม

ส้มเป็นผลไม้ที่หลายคนจะติดภาพเมื่อได้ยินชื่อจะนึกถึงวิตามินซี ส้มอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคหวัด อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมและกรดโฟลิก ช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัว ลดอาการอาหารไม่ย่อย ถ้าต้องการทานส้มเพื่อช่วยเรื่องของระบบขับถ่าย ก็ควรทานทั้งกากใยส้มเมื่อปลอกเปลือกมาจะเห็นเส้นใยขาวๆ นั่นแหละค่ะเป็นส่วนที่จะช่วยเรื่องระบบขับถ่ายก็คือเจ้ากากใยของส้มนี่ล่ะ เพราะฉะนั้นหากทานเพียงน้ำส้มคั้นก็อาจจะได้ประสิทธิภาพดีไม่เท่าทานทั้งผลนะคะ

 

9.สับปะรด

ในส่วนของสับปะรดนั้นก็มีน้ำย่อยธรรมชาติในตัวเองเช่นกัน นอกจากความฉ่ำที่ช่วยดับกระหายให้ความขุ่มช่ำแล้ว วิตามินซีในสับปะรดยังมีประโยชน์เป็นตัวที่ส่งเสรืมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น มีมีส่วนช่วยในเรื่องของการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย นอกจากนั้นสับปะรดยังมีกากใยอาหารอยู่มาก โดยกากใยอาหารนั้นมีส่วนสำคัญในการช่วยลดไขมันในเลือดหรือคลอเรสเตอรอลอีกด้วย และแน่นอนว่าเมื่อมีกากใยเยอะย่อมต้องทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วยเช่นกันค่ะ

 

10.กีวี่

กีวี่เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่หลายคนชอบทาน มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานฉ่ำอีกทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยระบายโดยธรรมชาติ โดยกีวี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ต่างๆ มากมายที่ให้วิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 74% มีวิตามินอีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆในร่างกาย มีไฟเบอร์สูงมากกว่ากล้วย 15% มากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25% นอกจากช่วยในเรื่องควบคุมน้ำหนักปรับสมดุลในร่างกายหรือช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดแล้ว เหตุผลที่ควรเลือกทานตอนนี้ก็เพราะว่าช่วยป้องกันอาการท้องผูกและช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นไปอีกค่ะ

 

11.มะเดื่อฝรั่ง

มะเดื่อฝรั่งมีประโยชน์อยู่ที่ไฟเบอร์สูง ดีต่อกระบวนการกำจัดของเสียในร่างกาย โดยในผลมะเดื่อสดจะมีเส้นใยอาหารอยู่ประมาณ 1.2% ส่วนในผลมะเดื่อฝรั่งอบแห้งมีเส้นใยอาหารสูงถึง 5.6% เลยทีเดียว ฉะนั้นคนที่มีปัญหาท้องผูกก็สามารถหาเลือกซื้อเจ้ามะเดือฝรั่งมาทานได้ค่ะ

 

12.มะเฟือง

มะเฟืองผลไม้ที่ไม่ค่อยได้เห็นตามท้องตลาดทั่วไปนัก แต่ในผลมะเฟืองนี้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ที่สามารถบรรเทาอาการท้องผูกได้ดีไม่น้อยหน้าผลไม้แก้ท้องผูกชนิดอื่น ๆเลยค่ะ ที่สำคัญมะเฟืองยังช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

 

13.มะขามแขก

มะขามแขกก็มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ  โดยเราอาจจะใช้ใบมะขามแขกแห้ง 1-2 หยิบมือ หรือใช้ฝักมะขามแขก 4-5 ฝักหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วย แล้วดื่มก่อนนอน 15 นาที สูตรนี้เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูก ทว่าหากกินมะขามแขกแล้วมีอาการจุกเสียดแน่นท้อง อาจต้องดื่มน้ำขิงตามไปด้วย และพยายามอย่าแก้ท้องผูกด้วยมะขามแขกติดต่อกันนาน ๆ เนื่องจากมะขามแขกอาจทำให้ขาดธาตุโปรแตสเซียม และทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการบีบตัวของลำไส้ได้

 

14.องุ่น

องุ่นผลไม้ที่เป็นของทานเล่นเพลินๆ แต่เปี่ยมไปด้วยประโยชน์มากมายด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูง ยังพบว่าในองุ่นดำนั้นมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) ช่วยขับล้างสารพิษในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาท้องผูกเรื้อรังได้อีกด้วย แต่อย่างไรองุ่นก็ยังคงมีพลังงานที่สูงอยู่ เลือกรับประทานแต่พอดีน่าจะดีกว่า

 

15.แก้วมังกร

คงไม่มีใครไม่รู้จักกับผลไม้เพื่อสุขภาพที่เรียกว่าแก้วมังกร นอกจากควาหวานอร่อยแบบไม่เหมือนใครแล้ว แก้วมังกรยังอุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่างๆ มากมายแก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ จึงเป็นเมนูของผลไม้ชนิดต้นๆที่ควรเลือกรับประทานช่วงควบคุมน้ำหนัก เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้และไปช่วยแก้ปัญหาการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดีค่ะ

 

16.แตงโม

แตงโม เป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะและด้วยรสชาติหวานฉ่ำ คนไทยจึงนิยมรับประทานเพื่อดับความกระหายคลายร้อนกัน นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางสารอาหารอีกมากมายเช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี กรดโฟลิก แร่ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส  สารอาหารเหล่าจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ช่วยบำรุงสายตาและล้างพิษออกจากร่างกาย แตงโมเหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพต้องการควบคุมน้ำหนักเพื่อลดความอ้วน เพราะในแตงโมจะให้แคลอรี่ต่ำอีกทั้งยังช่วยให้ขับถ่ายคล่องอีกด้วย

 

17.ฝรั่ง

ฝรั่ง ผลไม้สีเขียวที่จัดว่าเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง อีกทั้งกากใยมากมายของผลไม้ที่ชื่อว่าฝรั่งนี้เองที่ไปช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ส่วนวิตามินซีที่สูงปรื๊ดของฝรั่งนั้นก็จะไปช่วยทำให้สุขภาพผิวพรรณของเราให้ขาวใสขึ้นไปอีก ซึ่งเมื่อมีการขับถ่ายอย่างสม่ำเสมอและตรงเวลาแล้ว ก็จะสามารถบ่งบอกได้ว่าระบบการย่อยอาหารของเรานั้นยังทำงานได้ดีและเป็นปกติค่ะ

 

18.ละมุด

ละมุด ผลไม้ที่คนไทยหลายคนชื่นชอบที่ไม่ว่าจะพบที่ไหนเป็นต้องซื้อกลับมาติดตู้เย็นที่บ้าน ซึ่งนอกจากรสหวานฉ่ำน้ำในเนื้อของละมุดแล้วละมุดยังเป็นผลไม้ที่มีกากใยอาหารมากมายทีเดียว ดังนั้นจึงไปช่วยป้องกันโรคท้องผูกได้อย่างดี อย่างไรก็ตามละมุดยังถูกจัดอยู่ในผลไม้ที่มีรสชาติหวานซึ่งไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวานหรือกำลังลดความอ้วนอยู่นะคะ

 

19.ข้าวโพด

ข้าวโพดมีหลากหลายให้เลือกซื้อ ด้วยกรรมวิธีที่หลากหลายในการสร้างสรรค์เมนูข้าวโพดนั่นก็ทำให้เรามีตัวเลือกในการรับประทาน ด้วยเส้นใยอาหารแบบไม่ละลายน้ำในข้าวโพดนั้นจะไปช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารได้ดี สำหรับคนที่ถ่ายยากและลำบากถึงขั้นเป็นริดสีดวงทวารจากโรคทางเดินอาหาร หรืออาการท้องผูกนั้นก็จะมีอาการทุเลาลง เนื่องจากเส้นใยจะช่วยดูดซับน้ำและช่วยระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้นค่ะ

 

20.ถั่วดำ

เมล็ดถั่วดำถือเป็นธัญพืชที่มีปริมาณของใยอาหารอยู่สูงมาก และการเลือกรับประทานถั่วดำนั้น โดยการนำถั่วดำมาต้มหรือนึ่ง ซึ่งถั่วดำปริมาณ 1 ถ้วยจะมีเส้นใยอาหารถึง 15 กรัมค่ะ

 

 

www.flickr.com/photos/tipstimesadmin/11438060575/

www.flickr.com/photos/akarkhanis/3391797502/

10 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงเป็นประจำเดือน

screming-lady-1
Source: Flickr (click image for link)

“ประจำเดือน” สำหรับผู้หญิงถือว่าเป็นของคู่กัน เกิดเป็นผู้หญิงก็ต้องมีประจำเดือนและไหนช่วงที่จะมีประจำเดือนจะต้องมาตัวบวม หิวบ่อย อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย หลายสิ่งหลายอย่าง กระนั้นแล้วยังมาเจ็บท้องในช่วงประจำเดือนมาถึงอีก ถ้าถามว่าคิดไหมว่าทำไมถึงยากเย็นขนาดนี้ เชื่อเถอะค่ะผู้หญิงอย่างเราก็คงมีวิธีรับมือได้อยู่แล้วถึงแม้บางเดือนก็แอบคิดว่าข้ามไปได้ไหมเดือนนี้ ไม่อยากจะเป็นประจำเดือนเลย แต่คิดไปคิดมา…เอ เป็นดีกว่าเนอะ ใครจะไปเลี่ยงธรรมชาติได้ล่ะ 😉 วันนี้ทาง HealthGossip จึงขอนำเสนออาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่เป็นประจำเดือนกันค่ะ ไหนๆก็จะต้องเป็นประจำเดือน เราก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังไงมันก็ต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน เราเลยมาหาวิธีดูแลสุขภาพของเรากันดีกว่าค่ะ บางคนอาจไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าอาหารการกินนี่แหละตัวดีที่ส่งผลต่อการเป็นประจำเดือนด้วยเหมือนกัน

 

 

10 อาหารที่ควรลดและเลี่ยงในช่วงเป็นประจำเดือน

 

1.อาหารประเภทรสจัด

ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงในช่วงที่เป็นประจำเดือนจะเกิดอาการเปรี้ยวปากอยากจะรับประทานแต่อาหารรสจัดๆ เผ็ดจัดจ้านสะท้านทรวงถึงจะสมใจ แต่ทราบกันหรือเปล่าคะนอกจากปรกติที่มีอาการปวดท้องประจำเดือนอยู่แล้วก็อาจจะทำให้เราปวดท้องเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้ เนื่องจากอาจเกิดการย่อยยากและทำให้เกิดแก๊สลมในกระเพาะลำไส้นั่นเองค่ะ

 

2.คาเฟอีน

พูดถึงคาเฟอีน กาแฟก็ปิ๊งขึ้นมาในหัว แต่อย่าลืมนะคะว่ากาแฟไม่ใช่เครื่องดื่มอย่างเดียวที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ไม่ว่าจะอยู่ในชารวมไปถึงน้ำอัดลมอีกแน่ะ โดยที่สารคาเฟอีนจะเข้าไปกระตุ้นอาการต่างๆของ PMS (Pre-menstrual syndrome) และอาการบีบรัดตัวของมดลูกให้มากขึ้น ทำให้รู้สึกเหนื่อย เมื่อยเนื้อตัว หงุดหงิดง่าย และปวดท้องมากยิ่งขึ้นค่ะ ช่วงนี้คนที่ติดเครื่องดื่มประเภทคาเฟอีนก็เลี่ยงไปก่อนละกันนะคะ

 

3.เนื้อสัตว์ไขมันสูง

เนื้อสัตว์ประเภทไขมันสูงจำพวกเนื้อสัตว์ติดมันต่างๆ เช่น หมูสามชั้นมันเยิ้มทอด เนื้อติดมัน ซึ่งเนื้อสัตว์ที่ติดมันจะมีไขมันอิ่มตัวอยู่ในปริมาณที่มาก นอกจากจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราปวดตามข้อต่างๆ ซึ่งเกิดจากการอักเสบทั่วร่างกายทำให้รู้สึกเจ็บปวดไม่สุขสบายเพิ่มขึ้นแล้วยังทำให้มีส่วนเกินจากไขมันอีกด้วยค่ะ

 

4.ไอศกรีม

เคยได้ยินและก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมช่วงเวลาที่เป็นปะจำเดือนจึงไม่สามารถรับประทานไอศกรีมได้ สาเหตุที่ไม่ควรรับประทานไอศกรีมในช่วงมีประจำเดือนก­­­็เนื่องมาจากไอศกรีมทำมาจากนมและในนมก็มีไขมันอยู่สูง นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเนย ครีม ชีส หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของครีมและชีสต่างๆ ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้อยู่ในกลุ่มของไขมันอิ่มตัวเช่นกันจึงส่งผลไปเพิ่มอาการปวดเมื่อยตามร่างกายนั่นเองค่ะ

 

5.ของหวานต่างๆ

บางคนช่วงเวลาที่เป็นประจำเดือนก็รู้สึกอยากจะทานขนมหวานๆ ของหวานอยู่ตลอดๆ ความจริงแล้วทราบหรือปล่าวคะว่าเจ้าขนมหวาน ของหวานที่แสนโปรดปรานของเราเนี่ยช่างไม่เหมาะเลยจริงๆ ก็เพราะว่าจะยิ่งไปทำให้เราปวดท้องประจำเดือนมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง ใช่อยู่ว่าของหวานๆเรานี้เมื่อรับประทานไปแล้วจะทำให้อารมณ์ของเราดี๊ดีก็ตาม แต่ยังไงอาหารกลุ่มพวกนี้ก็จะไปเพิ่มการอักเสบทำให้ปวดเมื่อยตามร่างกายอีกด้วยค่ะ ถ้าอยากรับประทานอะไรที่หวานๆก็หันมาเลือกรับประทานผลไม้สดๆแทนกันดีกว่าค่ะ

 

6.อาหารหมักดอง

ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่าทำไมฉันดูบวม อืด อ้วนจังช่วงเวลาเป็นประจำเดือนเนี้ย ลองหันมาดูพฤติกรรมการรับประทานของตัวเองให้ไวเลยค่ะ ว่าได้เผลอไปรับประทานของหมักดองอะไรบ้างหรือเปล่า! ส่วนใหญ่แล้วของหมักของดองมีรสเค็มจากการหมักของเกลือรวมถึงอาหารที่ใส่ผงชูรส อาหารเหล่านี้ยิ่งทำให้ตัวบวมเพิ่มความรู้สึกอึดอัดให้ร่างกายจากตัวบวมก่อนการมีประจำเดือนฮอร์โมนเอสโตรเจนนั้นจะทำให้ตัวบวมอยู่แล้วค่ะ ช่วงนี้ก็ลดๆอาหารที่เค็มจัด หรืออาหารที่ใส่เกลือมากๆ และดื่มน้ำให้มากเพียงพอ จะช่วยลดอาการบวมน้ำ หรือตัวบวมในช่วงประจำเดือนได้ค่ะ

 

7.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

สาวๆคนไหนที่เป็นนักดื่มแล้วล่ะก็…ให้คิดอีกทีเลยค่ะ เนื่องจาก การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงมีประจำเดือนจะส่งผลให้อาการ­ช่วงมีประจำเดือนหนักขึ้น ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ รวมทั้งส่งผลให้เลือดจางและกระดูกพรุนอีกด้วย แถมยังส่งผลให้ปวดท้องประจำเดือนเข้าไปอีก เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์เช่นเดียวกับยาลดความเข้มข้นของเลือด และทำให้ระบบไหลเวียนเลือดเพิ่มขึ้น อันเป็นสาเหตุของความรู้สึกอัดอัดไม่สบายตัว โดยอาการเหล่านี้จะเริ่มเกิดขึ้นหลังจากแค่คุณดื่มเข้าไป ถ้าไม่อยากให้ช่วงมีประจำเดือนของคุณเลวร้ายจนทำอะไรไม่ได้ เลี่ยงไว้ก่อนดีกว่าค่ะ

 

8. เค้ก เบเกอรี่

อยากจะร้องกรี๊ดขึ้นมาเลยใช่ไหมล่ะคะในทันทีที่เห็นหัวข้อนี้ นึกว่าจะรอดหรอ จะให้มางดเค้กและขนมปังเบเกอรี่อร่อยๆ แต่งหน้าตาสวยงามในร้าน แต่เอาน่าหักห้ามใจสักนิดชีวิตจะได้ไม่พังในช่วงเป็นประจำเดือน อิอิ เนื่องจากพวกขนมอบต่างๆเหล่านี้ นอกจากจะมีน้ำตาลแล้วก็ยังเป็นอาหารที่มีไขมันทรานส์ซึ่งเป็นอันตรายอยู่ในปริมาณมากอีกด้วย และไขมันทรานส์ก็เป็นตัวที่จะไปเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายให้สูงขึ้น ซึ่งการผลิตฮอร์โมนออกมามากเกินจำเป็นก็อาจจะเป็นอันตรายต่อมดลูกได้ค่ะ

 

9. อาหารแปรรูป     

อาหารที่ผ่านการแปรรูปต่างๆตามร้านสะดวกซื้อ ถึงแม้จะสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยและสะวดในการรับประทานกัน แต่รู้ไหมคะสำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงมีประจำเดือน อาหารประเภทแปรรูปต่างๆนี้ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่งค่ะ เนื่องจากอาหารแปรรูปเหล่านี้มีส่วนผสมของโซเดียมอยู่สูงเและก็ะจะไปทำให้เราเกิดอาการท้องอืดรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว เพราะฉะนั้นช่วงระหว่างนี้เราก็ควรเลือกรับประทานอาหารสด ถือซะว่าได้รักษาสุขภาพไปในตัวอีกด้วยค่ะ

 

10.อาหารกลุ่มจั๊งก์ฟู้ดส์ และขนมกรุบกรอบ

อาหารในกลุ่มจำพวกอาหาร Junk Foods ก็คือพวกพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ ชีส ต่างๆ เพราะอาหารเหล่านี้มีทั้งน้ำตาล ไขมันอิ่มตัวจากสัตว์และไขมันทรานส์ โดยน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวทำให้เกิดการอักเสบตามร่างกายทำให้มีอาการปวดเมื่อตามร่างกาย ส่วนไขมันทรานส์จะเพิ่มระดับการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มอาการปวดทั้งก่อนและระหว่างมีประจำเดือน รวมถึงขนมจำพวกกรุบกรอบบรรจุถุงตามท้องตลาดที่เราชอบทานแบบจุบจิบระหว่างวันเพลินๆ ซึ่งขนมกรุบกรอบเหล่านี้อุดมไปด้วยเกลือ โซเดียม ไขมันทรานส์ คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ขนมกลุ่มนี้ยังเพิ่มน้ำหนักตัว ทำให้ตัวบวมรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวและยังเพิ่มอาการปวดประจำเดือนอีกด้วยค่ะ

 

 

www.flickr.com/photos/raychelnbits/3227900601/