Browse Tag: ผู้หญิง

3 ข้อเคล็ดลับสุดยอดของสูตรต้านความแก่

cute-hair-1
Source: Flickr (click image for link)

วันนี้ HealthGossip มีบทความให้มาอ่านกันเล่นๆแต่เนื้อหาที่มีสาระ เกี่ยวกับเรื่องของความแก่ที่เป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจใครหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย โดยเฉพาะผู้หญิง คำว่า แก่ พูดเบาๆก็เจ็บค่ะ เป็นอะไรที่ได้ยินแล้วรู้สึกไม่ลื่นหูเอาซะเลย ต่อให้ไม่พูดว่าแก่ แต่พอเราบอกให้คนอื่นทายอายุทีไร ชอบตอบเกินอายุจริงซะเหลือเกิน ทำยังกับหน้าตาเรามันทรยศกับอายุซะยังไงยังงั้นแหนะ ยากที่จะทำใจยอมรับได้ หากใครมาพูดให้ได้ยินใกล้ๆแล้วล่ะก็แทบอยากจะทำเนียนเป็นไม่รู้ ไม่เข้าใจซะดื้อๆ อึนๆเนียนๆไป เพราะอย่างนี้ไม่รีรอค่ะ เราจึงได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับการชะลอความแก่มาลงให้หลายๆคนได้อ่านกัน อย่างน้อยเผื่อมันจะเป็นอีกทางเลือกทางหนึ่ง หรือสำหรับบางคนที่สนใจจะลองนำไปปรับใช้ก็ไม่ว่ากันค่ะ โดยแนวทางการแพทย์เวชศาสตร์อายุวัฒน์ กำลังได้รับความนิยมเพราะใครๆ ก็อยากอยู่อย่างมีคุณภาพด้วยอายุขัยที่มากขึ้นและกฌอยากมีความอ่อนเยาว์อยู่ตลอดกาลก็ไม่ปาน และอาหารก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญของการชะลอความแก่ของวัย คำว่า เวชศาสตร์อายุวัฒน์ โดย นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช บัญญัติจาก ภาษาสันสกฤตสองคำนำมาสมานกันโดยให้ความหมายตรงกับคำว่า Anti aging คือการมีชีวิตที่ยืนยาวและเจริญรุ่งเรือง หรือ มีคุณภาพชีวิตที่ดี นั่นเองค่ะ (อายุ (Ayu)=ชีวิต,วัฒนะ=เจริญรุ่งเรือง) จากการบรรยายของนายแพทย์ กฤษดา ศิรามพุช เจ้าของหนังสือขายดี ถอดรหัสความชรา ตอนชีวิตเริ่มต้นที่ หกสิบปี ในหัวข้อ Anti aging medicine and Nano Era ให้กับผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่สนใจแนวทางการมีชีวิตยืนยาว โดยไม่เจ็บป่วย ป่วยไข้ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา แนวทางการแพทย์ที่นับว่าเป็นแนวทางใหม่ล่าสุดที่ได้รับการคาดหมายว่า จะกลายเป็นการแพทย์ศตวรรษใหม่ คือ เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ ซึ่งเป็นคำจำกัดความของคุณหมอในการแปลหนังสือเล่มแรก อายุยืนควรกำหนดได้ หรือ Life Extension Revolution ของนายแพทย์ฟิลลิป มิลเลอร์ กูรู ด้าน Anti aging medicine ซึ่งหากจะให้คำจำกัดความง่ายๆ ศาสตร์การแพทย์แผนใหม่นี้ คือ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของความแก่ชรา หาจุดอ่อนในร่างกายของแต่ละบุคคลที่ทำให้ความชรามาเยือน แล้วจึงแก้ไขให้ตรงจุดโดยอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เมื่อรวมกับความคาดหมายถึงความสำเร็จของ Nanomedicine หรือยานาโน ซึ่งจะเข้าไปทำงานในร่างกายระดับเซลล์ จึงทำให้ศาสตร์นี้เป็นความหวังใหม่ของมนุษยชาติ

ในหัวข้อนี้นอกจาเราจะเสนอสูตรวิธีในการรับประทานอาหารเพื่อชะลอความแก่แล้ว เรายังมีเคล็ดลับ ปัจจัยต่างๆที่เป็นผลกระทบต่อการทำให้เราแก่เร็วขึ้นมาบอกกันอย่างครบเครื่องกันเลยทีเดียวค่ะ

 

สูตรสุดยอดอาหารต้านความแก่

หัวใจสำคัญของการไม่ยอมแก่

แนวทางง่ายๆสำหรับการชะลอวัยที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เอาไว้เป็นสามแนวทางคือ

  1. จำกัดปริมาณที่ได้รับจากอาหาร แต่ต้องถูกต้องตามหลักโภชนาการ
  2. ใช้ชีวิตด้วยวิถีสุขภาพ
  3. ดูแลสุขภาพจิตให้แข็งแรง

โดยจะเน้นไปที่การจำกัดพลังงานที่ได้รับหรือกินอาหารให้น้อยลง แต่ยังคงคุณค่าของสารตามที่ร่างกายต้องการไว้ ถือ ได้ว่าเป็นหัวใจของการชะลอวัยเลยทีเดียว เพราะหากสาเหตุของความแก่ตัวลงของเซลล์มาจากการเผาผลาญอาหาร หรือกระบวนการเมตาบอลิซึม ทำให้เกิดของเสียจากการเผาผลาญพลังงาน นั่นคือ อนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้านี่เองที่ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น และอาการแสดงออกของความแก่ต่างๆ โดยสูตรสุดยอดที่จะชะลอความแก่ มีดังนี้

  1. อาหาร

เมื่อหัวใจของสุขภาพร่างกายคืออาหาร ซึ่งเวชศาสตร์อายุวัฒน์ก็เน้นเรื่องของอาหารมากเช่นกัน มีความพยายามมากมายที่จะหาทางต้านความแก่ จนกลายเป็นการทดลองใช้ยาหลายๆชนิดรวมกัน ซึ่งก็พบว่าสามารถชะลอความแก่ได้ อันเรียกว่า ทฤษฎี poli-pill ในขณะเดียวกันมีแนวความคิดใหม่เกิดขึ้นเนื่องจากคงไม่มีใครอยากกินยาวันละมากๆเพียงเพื่อการมีชีวิตอยู่ แต่หากเปลี่ยนเป็นอาหาร ก็ดูท่าว่าจะมีความเป็นไปได้สูงและผลของการทดลองก็ออกมาได้อย่างน่าตื่นเต้น เมื่อพบว่าเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้ ในปริมาณที่กำหนดให้ ผลการต้านความชราได้เท่ากับการกินยาหลากหลายเม็ด เรียกแนวคิดนี้ว่า poly-meal

  • ดื่มไวน์วันละ 150 มล. เนื่องจากเรสเวอราทรอลจากไวน์เป็นยอดยาอายุวัฒนะชั้นเลิศ
  • ปลาจากน้ำทะเลลึกวันละ 118 กรัม เพิ่มปริมาณ Omega 3 ให้กับร่างกาย
  • ช็อคโกแลตดำวันละ 100 กรัม (ซึ่งช็อกโกแลตชนิดนี้จะไม่หวานมันเหมือนช็อกโกแลตอื่นๆ)
  • ผักและผลไม้ วันละ 400 กรัม
  • กระเทียม วันละ 2.7 กรัม

อาหารต่างๆ เหล่านี้เรารู้จักกันดี แต่อาจไม่ได้มีโอกาสรับประทานบ่อยนัก หรือเป็นอาหาร ยี้ สำหรับคนบางคนเลยทีเดียว แต่หากดูจากผลการวิจัยพบว่าอาหารต่างๆเหล่านี้ ช่วยชะลอความชราให้คุณได้จริงๆ ซึ่งเปรียบเทียบกับอีกแนวทางที่นำเสนอ คือ การกินยาให้หลากหลาย หรือ poly-meal เป็นสิ่งที่น่าพิสมัยกว่ากันเยอะ

2. ฮอร์โมน…การควบคุมจิตใจ

จุดที่เป็นความต่างของศาสตร์นี้อีกประการ คือ การทำความเข้าใจกับฮอร์โมนร่างกาย ซึ่งเปรียบเหมือนตัวควบคุมร่างกายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของระบบประสาท ของเหลวที่ผลิตขึ้นจากต่อมไร้ท่อที่เรียกว่าฮอร์โมนนั้น จะมีระดับการผลิตมากหรือน้อยแตกต่างกันไปแต่ละบุคคล ฮอร์โมนนับสิบชนิดที่ทำหน้าที่ต่างกัน กับเชื่อมโยงร้อยเรียงกัน จุดเดียวกับการบรรเลงบทเพลงซิมโฟนีและสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความรู้สึก อาจกล่าวได้ว่าสมองควบคุมร่างกายด้วยเส้นประสาท ส่วนจิตใจควบคุมด้วยร่างกายด้วยฮอร์โมนก็ว่าได้ ศาสตร์แห่งฮอร์โมนจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนซึ่งเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ให้ความสำคัญ โดยการตรวจวัดความสมดุลฮอร์โมนและเติมฮอร์โมนที่ขาดลงไปซึ่งเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนเนื่องจากปริมาณฮอร์โมนกระแสเลือดนั้นมีน้อยมาก เช่น ฮอร์โมนเสตียรอยด์ และไทรอยด์ฮอร์โมน ในพลาสมามีเพียง 10-6 และ 10-9 เท่านั้น การให้ฮอร์โมนเสริมจึงเป็นเรื่องที่จะต้องระมัดระวังและละเอียด ถึงขนาดที่คุณหมอกฤษดา เรียกว่า การจูลฮอร์โมนกันหลายที่ทีเดียว เพราะฮอร์โมนทุกตัวสัมพันธ์กันหมด หากใช้รูปแบบของศาสตร์อายุรวัฒน์ จากตะวันตกคงไม่สามารถนำประโยชน์ของศาสตร์นี้มาใช้ได้อย่างเต็มที่ คุณหมอจึงให้ประยุกต์เข้ากับวิถีคนไทย โดยอิงหลักการพื้นฐานของการผลิตฮอร์โมนในร่างกาย คือ อารมณ์และจิตใจ ที่มีความสัมพันธ์กับ ระดับฮอร์โมน โดยผสมเข้ากับแนวทางของพุทธศาสนา จนพบว่าการนั่งสมาธิและการทำจิตใจว่าง เป็นเครื่องมือชั้นดีในการคุมระดับฮอร์โมนในร่างกายให้อยู่ในระดับสมดุล กลายเป็นศาสตร์แห่งการผสมผสานที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง และมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ

3. วิถีชีวิตและสุขภาพ

– ดูแลหุ่นให้เพรียวไว้ จะเรียกได้ว่า ยิ่งผอมยิ่งอยู่ได้นานก็ไม่ผิด

– อย่าพยามยามให้เกิดแผลในร่างกาย เพราะการติดเชื้อเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายเสื่อม

– เลิกสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นตัวการของความแก่ของผิวพรรณ และโรคร้ายต่างๆ

– อย่าปฏิเสธวิตามินและเกลือแร่เสริม หากคุณไม่สามารถกินอาหารได้ครบ 5 หมู่

– เลือกอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว

– ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ ใส่เสื้อผ้าป้องกันแสงแดด เพื่อมิให้ผิวพรรณเหี่ยว หรือ มีรอยด่างดำ รวมทั้งฝ้า กระ

– ลดเวลาในการใช้โทรศัพท์มือถือ

– หัวเราะให้กับชีวิต

– ชะลอความเร่งรีบในชีวิตลงบ้าง

 

ปัจจัยในการดำรงค์ชีวิตไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การดำเนินกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันรสมถึงสุขภาพจิตใจ ฮอร์โมนของเรา ล้วนแต่เป็นผลกระทบหลักที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียของร่างกาย และก็เป็นวิธีที่เราสามารถเลือกปฎิบัติและเลือกรับประทานกันได้ทั้งนั้น อยู่ที่เราจะรักษาดูแลกันมากน้อยแค่ไหน หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้หลายๆคน หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ก่อนที่จะตัสินใจเสียเงินมากมายในการดูแลภายนอกแค่เพียงทางเดียวนะคะ 🙂

 

www.flickr.com/photos/angel_ina/4908486912/

ธาตุเหล็ก คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร

cereal-breakfast-1
Source: Flickr (click image for link)

ธาตุเหล็ก (iron) เป็นธาติอาหารที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นที่สุดชนิดหนึ่งต่อร่างกายของคนเราในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะวัยที่อยู่ในช่วงการเจริญเติบโตสูง เช่นวัยทารก เด็กวัยรุ่น และในคุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ในส่วนของผู้หญิงที่อยู่ในวัยของการเจริญพันธุ์ที่มีการสูญเสียธาตุเหล็กไปกับการเป็ประจำเดือน ทุกๆเดือนนั้น ถึงแม้จะมีปริมาณที่ไม่มากแต่ก็ควรที่จะได้รับธาตุเหล็กมากกว่าผู้ชายที่อยู่ในวัยเดียวกัน ธาตุเหล็กมีความจำเป็นในเรื่องของการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย และถ้าใครเกิดอาการที่ขาดธาตุเหล็กขึ้นมาแล้วล่ะก็อาจจะมีภาวะที่ซีดได้ ธาตุเหล็กมีมากในเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นธาตุเหล็กที่มีคุณภาพ และเป็นชนิดที่ร่างกายดูดซึมได้ดี (Heme iron) ส่วนธาตุเหล็กที่มีในพืช ซึ่งราคาถูกกว่า เป็นธาตุเหล็กชนิดที่ดูดซึมได้ไม่ดีนัก (Nonheme iron) การขาดอาหารเนื้อสัตว์จึงเป็นสาเหตุของการขาดธาตุเหล็ก จนก่อให้เกิดภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็กได้ค่ะ โดยภาวะขาดธาตุเหล็ก มักพบได้ในผู้หญิงสูงกว่าในผู้ชาย เนื่องจาก

  • ร่างกายผู้ชายเก็บสะสมธาตุเหล็กได้สูงกว่าในผู้หญิง
  • ไม่ต้องเสียเลือดจากประจำเดือน
  • ไม่มีการตั้งครรภ์
  • ไม่ได้ให้นมบุตร

ซึ่งทั้งสองภาวะหลัง เป็นภาวะที่ทำให้ร่างกายต้องการธาตุเหล็กสูงกว่าปกติ จึงก่อให้เกิดการขาดธาตุเหล็กได้ง่ายนั่นเองค่ะ

ผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการขาดธาตุเหล็ก คือ

  • หญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
  • ทารกในครรภ์ และวัยเด็ก
  • หญิงที่มีประจำเดือนมากทุกเดือน
  • มีเลือดออกเรื้อรัง เช่น โรคริดสีดวงทวาร
  • มีโรคเรื้อรังของทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

ลองสังเกตุจากตัวเองก่อนเลยนะคะ ว่าเรามีอาการเหล่านี้บ้างหรือเปล่า

 

เกี่ยวกับ ธาตุเหล็ก หรือ Iron

  • ธาตุเหล็ก เป็นธาตุอาหารสำคัญที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องได้จากอาหารอย่างเพียงพอ
  • ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุหนึ่งที่มีความจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • ธาตุเหล็ก เหล็กมีความจำเป็นกับคนทุกวัย โดยเฉพาะวัยที่มีการเจริญเติบโตสูง เช่น ทารก เด็กวัยรุ่น หญิงตั้งครรภ์
  • ธาตุเหล็ก คนปกติมีธาตุเหล็กประมาณ 3-5 กรัม ร้อยละ 70 ของเหล็กอยู่ในเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบิน ที่เหลืออยู่ในตับ ม้าม ไขกระดูก และกล้ามเนื้อ
  • ธาตุเหล็ก ในเลือด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร มีธาตุเหล็กประมาณ 40-50 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ปลา เป็ด ไก่ ตับ ม้าม ไข่แดง อาหารเช้าซีเรียล (Cereal) หรือนมที่เสริมอาหารด้วยธาตุเหล็ก ในพืช เช่น ผักที่มีใบเขียวเข้มทุกชนิด เช่น ใบตำลึง ผักปวยเล้ง ผักโขม ถั่วแดง ถั่วดำ ข้าวโอต
  • ธาตุเหล็ก จะถูกดูดซึมในส่วนของลำไส้เล็ก
  • ธาตุเหล็ก จากแหล่งอาหารที่มาจากสัตว์ จะถูกดูดซึมได้ดีกว่าจากแหล่งอาหารที่มาจากพืช
  • ธาตุเหล็ก ยังดูดซึมได้ดีในภาวะที่น้ำย่อยอาหารมีความเป็นกรด (ดังนั้น ยาเคลือบกระเพาะอาหาร และยาลดกรด จึงลดการดูดซึมของธาตุเหล็ก) และวิตามินซี และอาหารที่มีวิตามินซีสูง จะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กด้วย
  • ธาตุเหล็ก จะถูกขัดขวางการดูดซึมเมื่อดื่มชา กาแฟ ในปริมาณที่สูง เนื่องจากสาร Tannin จะไปลดการดูดซึมของธาตุเหล็ก และอาหารที่มีใยอาหารสูงกับอาหารที่มีแคลเซียมสูง
  • ธาตุเหล็ก เมื่อดูดซึมแล้ว ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้งาน บางส่วนร่างกายจะสะสมไว้ใน ตับ ม้าม และไขกระดูก
  • ธาตุเหล็ก ร่างกายของเราจะกำจัดธาตุเหล็กส่วนเกินออกทางตับ (ทางน้ำ ดี) และทางไต (กำจัดออกทางปัสสาวะ แต่ในปริมาณน้อยมาก)

 

ประโยชน์ของธาตุเหล็ก หรือ (Iron)

 

ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันอาการโรคโลหิตจาง โดยเป็นตัวนำออกซิเจนจากปอดไปสู่เซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย เพื่อการทำงาน การใช้พลังงานของเซลล์ทุกๆเซลล์ของร่างกาย ธาตุเหล็กจึงมีความสำคัญต่อไขกระดูกในการสร้างเม็ดเลือดแดงเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อขาดธาตุเหล็ก จะเป็นสาเหตุหลักให้เกิดภาวะซีด หรือภาวะโลหิตจาง (โลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก)

 

ช่วยให้ร่างกายเติบโตเป็นปกติ ช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อต่างๆ ให้มีความแข็งแรง

 

ธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบของโปรตีนหลายชนิด ที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ต่างๆในการสันดาปพลังงานและการนำพลังงานต่างๆไปใช้

 

ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย โดยช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต้านโรคทำให้เจ็บป่วยยากขึ้น

 

ช่วยกำจัดโลหะหนักที่เป็นพิษออกจากร่างกาย เช่น แคดเมี่ยม

 

ช่วยให้เซลล์สมองเจริญเติบโตได้ดี ช่วยการเจริญเติบโตของเซลล์สมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจและความจำ (Cognitive development)

 

อาการของภาวะผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก

– ร่างกายซีด เหลือง

– เป็นโรคโลหิตจาง

– ร่างกายไม่เจริญเติบโตสมบูรณ์ตามวัย

– ตั้งครรภ์ยาก

– ประจำเดือนมาไม่ปกติ

– อ่อนเพลียง่าย เหนื่อยง่าย วิงเวียนศีรษะบ่อย

– ผมร่วงมาก

– สมองคิดช้า ตอบสนองช้า สับสนง่าย

– ติดเชื้อต่างๆได้ง่าย

 

ปริมาณของธาตุเหล็กที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน

สำหรับปริมาณธาตุเหล็กที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป (Thai Recommended Daily Intakes (Thai-RDI)) มีค่าเท่ากับ 15 มิลลิกรัม โดยคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี จะเห็นได้ว่าร่างกายของเราต้องการในปริมาณไม่มาก แต่ธาตุเหล็กจัดเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นกับคนทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะในเด็กทารก เด็กวัยรุ่น และหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโต ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายซึ่งปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายควรได้รับจะแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล เพศ อายุ นั่นเองค่ะ

 

www.flickr.com/photos/charlotte90t/15600597901/

4 คุณประโยชน์จากน้ำมะพร้าวที่คุณควรรู้ไว้

Coconut-1หลายคนคงรู้จัก “มะพร้าว” กันใช่ไหมล่ะคะ และในมะพร้าวที่เราชอบกินกันก็คือน้ำมะพร้าวนั่นเองอากาศร้อนๆแบบนี้น้ำมะพร้าวสดๆก็เป็นอีกทางเลือกที่เราชอบเลือกดื่มกันนอกจากได้ความอร่อยแล้วยังได้ความหอมหวานและสดชื่นในแบบธรรมชาติให้มาอีกด้วย มะพร้าว เป็นพืชยืนต้นชนิดหนึ่ง อยู่ในตระกูลปาล์ม เป็นพืชซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ในหลายทาง เช่น น้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อนใช้รับประทาน เนื้อในผลแก่นำไปขูดและคั้นทำกะทิ กะลานำไปประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ เช่น กระบวย โคมไฟ ฯลฯ นอกจากนี้มะพร้าวจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง ตามตำราพรหมชาติฉบับหลวง ได้กำหนดให้ปลูกมะพร้าวไว้ทางทิศตะวันออกของบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล มะพร้าวถือว่ามีประโยชน์ทั้งผลเลยใช่ไหมล่ะคะ โดยเฉพาะ น้ำมะพร้าว ที่หลายคนชอบดื่มกันเพื่อความสดชื่น บ้างก็เพื่อดับกระหาย เพราะ “น้ำมะพร้าว” นั้นถือเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ เพราะต้นมะพร้าวมีลำต้นสูง ต้องผ่านการกลั่นกรองตามชั้นต่างๆ ของลำต้นกว่าจะถึงลูกมะพร้าวที่อยู่ข้างบน น้ำมะพร้าวที่ได้มาจึงบริสุทธิ์มากและอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ และวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายใน 5 นาที และยังเป็นประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกายอีกด้วยค่ะ หลายคนคงยังไม่ทราบกันว่าน้ำมะพร้าวมีสรรพคุณมากมายแค่ไหน นอกจากรสชาติที่อร่อยหวานสดชื่นแล้ว ยังมีประโยชน์ที่แสนมหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียวเชียวล่ะค่ะ

ส่วนประกอบของน้ำมะพร้าว

  • ในน้ำมะพร้าว มีน้ำเป็นองค์ประกอบ 90%
  • มีแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงร่างกายมากมาย ได้แก่ Acin, Pantothenic acid, Biotin, Riboflavin, Folic acid ,Thiamin pyridoxine
  • มีเกลือแร่ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญเช่น Sodium, Potassium, Calcium, Magnesium, Iron, Copper, Phosphorus
  • น้ำมะพร้าวจัดเป็นน้ำสะอาดไม่มีการปนเปื้อน เนื่องจากธรรมชาติได้สรรสร้างให้น้ำมะพร้าวถูกห้อหุ้มด้วยกะลาของมะพร้าว อย่างแน่นหนา

การเลือกซื้อน้ำมะพร้าว  ควรเลือกน้ำมะพร้าวอ่อนเป็นลูก ไม่ควรซื้อที่บรรจุขวดขาย ถ้าไม่แน่ใจในความสะอาดและสารฟอกขาวต่างๆ ที่สามารถฉีดใส่เข้าไปได้ (ส่วนมากพบในมะพร้าวเผา) หากเป็นไปได้ก็ควรซื้อเป็นทะลายมาจากสวนโดยตรง เมื่อต้องการดื่มควรตัดทีละลูกจากทะลาย

การดื่มน้ำมะพร้าว น้ำมะพร้าวเมื่อเปิดลูกแล้วก็ควรที่จะดื่มเลยทันที หลังจากที่เราเฉาะ ตัดหรือหั่นแล้วนั้นไม่ควรทิ้งไว้นานเกินครึ่งชั่วโมงแม้จะเก็บไว้ในตู้เย็นก็ตาม ควรทานให้หมดทีเดียว เพราะผลไม้แต่ละอย่างมีพลังชีวิตถ้าเรากินผลไม้สุกจากต้นจะได้รับพลังชีวิตสูง หากเราเก็บทิ้งค้างไว้ พลังชีวิตของผลไม้จะลดต่ำลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ

 

4 คุณประโยชน์จากน้ำมะพร้าว

 

  1. ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองชะลออาการอัลไซเมอร์

การดื่มน้ำมะพร้าวทุกวันจะช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์ได้ กรดไขมันสายกลาง (medium chain fatty acid) ในน้ำมันมะพร้าวช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและกระบวนการรับรู้ของมนุษย์  จากผลงานวิจัยของ ดร.นิซาอูดะห์ ระเด่นอาหมัด อาจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนสูง ซึ่งจะช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง ดังนั้น การดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำทุกวัน นอกจากชะลออาการอัลไซเมอร์แล้ว ยังช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น รวมทั้งยังช่วยให้หน้าใสขึ้นได้อีกด้วย

 

  2. ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส

น้ำมะพร้าวนั้นทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและขาวนวลจากภายในสู่ภายนอกได้จริง เพราะในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ที่จะทำให้ผิว กระชับ ยืดหยุ่น ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ น้ำมะพร้าวยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย คล้ายกับการทำดีท็อกซ์ จึงช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส อีกทั้งความเป็นด่างของน้ำมะพร้าวยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายในช่วงที่มีความเป็นกรดสูง ทำให้กลไกการทำงานของระบบภายในร่างกายเป็นปกติ ส่งผลให้มีสุขภาพดีทั้งภายในและภายนอก

 

  3. น้ำมะพร้าวช่วยเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกาย

เนื่องจากมีปริมาณเกลือแร่ที่จำเป็นสูง รวมทั้งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาความอ่อนเพลียจากอาการท้องเสียหรือท้องร่วงได้ ดังนั้นน้ำมะพร้าวจึงจัดเป็นสปอร์ตดริงก์ (Sport Drink) สามารถดื่มหลังการสูญเสียเหงื่อจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายได้เช่นกัน โดยมีรายงานเพิ่มเติมว่า ชาวไต้หวันและชาวจีนนิยมดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อลดอาการเมาค้างหลังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย

 

  4. ช่วยให้กระดูกแข็งแรง

ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของน้ำมะพร้าวคือ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก การดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำเป็นการเพิ่มแคลเซียมและแมกนีเซียมให้กับกระดูก เพราะในน้ำมะพร้าวนั้นมีแร่ธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งทำให้กระดูกเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง

 

นอกจากนี้ ในเว็บไซต์ของสำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ยังได้นำเสนอข้อมูลจากหนังสือ “ธรรมชาติบำบัดศิลปะการเยียวยาร่างกายและจิตใจเพื่อสมดุลของชีวิต” มาเผยแพร่ โดยส่วนหนึ่งของหนังสือได้กล่าวถึงน้ำมะพร้าวว่า หมอพื้นบ้านไทยถือกันว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูก และน้ำมะพร้าวยังดื่มได้ทุกวัน ทุกเวลา รวมถึงดื่มได้ทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติ แต่สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคไต หรือโรคเบาหวาน ไม่ควรดื่มน้ำมะพร้าวในปริมาณมากเพราะมีความหวานและมีแร่ธาตุไม่เหมาะกับโรคดังกล่าว จากประโยชน์มากมายของน้ำมันมะพร้าวที่กล่าวมานั้น จึงทำให้เห็นว่าน้ำมะพร้าวมีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย และสามารถทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ใบหน้าสดใสได้จริง ซึ่งผู้หญิงคนไหนที่เป็นสิวหรือมีรอบเดือนติดต่อกันไม่หยุด การดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำยังมีส่วนช่วยให้ระบบภายในร่างกายดีขึ้นโดยช่วงแรกที่ดื่มอาการเหล่านั้นอาจจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่นั่นถือเป็นสิ่งดี เพราะแสดงว่าร่างกายกำลังถูกกระตุ้นให้ขับของเสียออกมา และสำหรับแม่ที่เพิ่งคลอดบุตร หากไม่มีน้ำนมเพียงพอให้ลูกกิน ก็สามารถให้น้ำมะพร้าวเสริมแทนน้ำนมแม่ได้ เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีความบริสุทธิ์กว่านมผงหรือนมวัว และไม่มีสารเคมีเจือปนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเด็กนั่นเองค่ะ