Browse Tag: Protien

22 ชนิดของอาหารที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน

Source: Flickr (click image for link)

วันนี้จะมาพูดเกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง “ชนิดของอาหารที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน” (Boost your metabolism) หัวข้อที่ฟังดูไม่น่าซีเรียสอะไรแต่แอบมีความสำคัญซ่อนอยู่ค่ะ ระบบที่ทำงานในทุกส่วนของร่างกายเราล้วนแต่มีความสำคัญต่อสุขภาพของเราโดยตรงเลยก็ว่าได้ รวมถึงระบบเผาผลาญในร่างกายที่เราจะมากล่าวถึงในวันนี้ด้วยค่ะ ซึ่งระบบเผาผลาญในร่างกายของเราถ้าทำงานได้ปกติหรือดีถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเราในเรื่องหลักๆ เลยคือ ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก โดยใครที่มีระบบเผาผลาญในร่างกายที่ดีย่อมส่งผลให้การลดน้ำหนักนั้นง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ ซึ่งก็แน่นอนค่ะว่าร่างกายของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราเลยนำหัวข้อนี้มาช่วยให้เป็นแนวทางอีกหนึ่งทางสำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีต่างๆ ในการลดน้ำหนัก หรือรู้สึกว่าทำไมร่างกายถึงได้เผาผลาญช้าและเผาผลาญไม่ดี เป็นต้น ใครจะรู้ล่ะคะว่ามีอาหารมากมายหลากหลายชนิดเลยให้เราได้เลือกมาปรับและรับประทานกันค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มที่เรื่องง่ายๆ คือการดูแลและปรับการรับประทานอาหารนี้ก่อนเลยละกันค่ะ

 

 

22 ชนิดของอาหารที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน

Source: Flickr (click image for link)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1.โยเกิร์ต

โยเกิร์ตคือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนมอีกชนิดหนึ่งโดยขอแนะนำโยเกิร์ตชนิด โยเกิร์ตกรีก นอกจากแคลเซียมสูง ไขมันต่ำ มีเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิดช่วยในเรื่องการขับถ่ายแล้ว ยังมีโปรตีนและวิตามินดีที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อช่วยยับยั้งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่การส่งผลต่อไขมันในช่องท้อง หรือเรียกว่าลงพุงนั่นเองค่ะ

 

2.เมล็ดอัลมอลด์

เลือกรับประทานเมล็ดอัลมอลด์แค่เพียงหนึ่งกำมือ ก็สามารถช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ อัลมอลด์นอกจากมีโปรตีนแล้วยังมีเส้นใยอาหารที่สูงเหมาะกับการเลือกเป็นอาหารทานเล่นได้เลยค่ะ อีกทั้งยังมีกรดอะมิโน L-arginine ที่ไปช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันแล้วคาร์โบไฮเดรตในร่างกายได้อีกด้วยค่ะ

 

3.ชาเขียว

พบว่านอกจากชาเขียวแล้วยังมีชาอีกหลายชนิดที่ช่วยในเรื่องของการเร่งเผาผลาญไขมันจากสาร catechin แต่ชาเขียวกลับเป็นตัวเลือกที่ดีกว่านอกจากมีสารคาเทชินที่สูงแล้วยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ECGC ที่สูงมากอีกด้วย โดยสารตัวนี้จะไปช่วยเผาผลาญไขมันแล้วยังสามารถหยุดการสร้างไขมันได้อีกด้วยค้ะ

 

4.ข้าวโอ๊ต

ขึ้นชื่อว่าคาร์โบไฮเดรตหลายคนคงสงสัยว่ามันจะช่วยได้ยังไง การเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตไม่ได้แย่เสมอไปค่ะ โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่มาจากธัญพืชอย่าง ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตเป็นธัญพืชที่มีเส้นใหญ่อาหารสูงช่วยทำให้ชะลอการย่อยให้ช้าขึ้นจึงอิ่มได้นานและช่วยให้มีไขมันในท้องน้อยกว่าคนที่กินคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ผ่านการขัดสีในปริมาณที่เท่ากันจำพวก ข้าวขาว ขนมปังขาวค่ะ

 

5.พริก

พริกเม็ดสีแดงๆ มีรสเผ็ดร้อนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะนี้ มีสารที่เรียกว่า แคปไซซิน เป็นสารประกอบที่จะทำให้เกิดความเผ็ดร้อน ช่วยไปเร่งการเผาผลาญแคลอรี่ได้เป็นอย่างดีเชียวค่ะ

 

6.ปลาแซลมอล

จะเห็นได้ว่าการเผาผลาญไขมันที่ดีโดยการสร้างกล้ามเนื้อด้วยโปรตีนทำให้กล้ามเนื้อมากขึ้นเท่ากับว่าการเผาผลาญไขมันก็มากขึ้นเช่นกันค่ะ และโปรตีนจำพวกเนื้อปลานี่แหละเป็นแหล่งชั้นยอดอย่าง ปลาแซลมอล โดนเฉพาะปลาแซลมอลที่เกิดเองตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยต้านการอักเสบและช่วยเผาผลาญไขมันค่ะ

 

7.เนื้อไก่งวง

เนื้อไก่งวงเป็นเนื้อสัตว์ชนิดที่มีโปรตีนสูงและไขมันต่ำ และที่สำคัญเมื่อเรารับประทานเข้าไประหว่างทำการย่อยยังไปช่วยเพิ่มระบบการเผาผลาญแคลอรี่ของเราไปในตัวอีกด้วยค่ะ

 

8.ดาร์คช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตเป็นของหวานที่หลายคนชอบและกลัวที่จะรับประทานในตอนที่เรากำลังลดควบคุมน้ำหนัก แต่ไม่ใช่กับดาร์คช็อกโกแลตค่ะเนื่องจากพบว่าจุลินทรีย์ในลำไส้ของคนเราได้ทำการบ่มช็อกโกแลตในกระเพาะอาหาร จนไปเพิ่มการผลิตสารประกอบโพลีฟีนอลิกในกระเพาะอาหาร รวมทั้งบิวทิล และกรดไขมันที่จะช่วยกระตุ้นร่างกายให้ไปเร่งการเผาผลาญไขมันและยับยั้งยีนส์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบค่ะ

 

9.ควีนัว

เมล็ดควีนัว (Quinoa) เป็นพืชที่ได้ถูกยกให้เป็นซูปเปอร์ฟู้ดส์โดยมีส่วนประกอบจากโปรตีนที่สมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่ามีโซ่สมบูรณ์ของกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและยังไปลดไขมันอีกด้วย พบว่าร่างกายที่ได้รับโปรตีนจากพืชมีความเสี่ยงน้อยต่อการเกิดโรค metabolic syndrome (ที่เป็นกลุ่มของคอเลสเตอรอลสูง น้ำตาลในเลือดสูง และโรคอ้วน) นอกจากนี้ควีนัวยังมีกรดอะมิโนไลซีนสูง ซึ่งไปช่วยในการเผาผลาญไขมันและบำรุงกระดูก ทำให้ผิวหนังแข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ

 

10.ถั่วดำ

ธัญพืชอย่างเมล็ดถั่วดำจัดเป็นแหล่งของแป้งชนิดที่ดีค่ะ ถั่วดำเป็นแป้งที่ทำให้ย่อยช้ามีเส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำจึงเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียที่ดีในลำใส้ของเรา ทำให้เกิดการผลิตสารเคมีบิวเรท ซึ่งจะไปช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเร่งการเผาผลาญไขมัน และช่วยลดไขมันได้ดีด้วยค่ะ

 

11.ลูกพรุน

ลูกพรุนเป็นผลไม้ที่มีสีเฉพาะคือ สีแดง ที่เกิดจากปริมาณสารต้านอนุมูอิสระที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอนโธไซยานินซึ่งทำให้การทำงานของยีนที่เก็บไขมันได้ดีขึ้น ช่วยเร่งการเผาผลาญในการลดน้ำหนักได้ดีนักแลค่ะ

 

12.ไข่

ไข่จัดเป็นหนึ่งในอาหารที่เป็นแหล่งที่ดีที่สุดของโคลีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญในการเผาผลาญไขมัน โดยจะไปช่วยยับยั้งยีนส์ที่รับผิดชอบในการจัดเก็บไขมันหน้าท้องค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นไข่ยังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอดที่สามารถกำหนดอัตราการเผาผลาญไขมันได้ตลอดทั้งวันเมื่อเราเลือกทานเป็นอาหารเช้า ไม่ว่าจะเลือกรับประทานในรูปแบบไหนก็มีประโยชน์ทั้งนั้นค่ะ

 

13.ผักปวยเล้ง

ด้วยใบสีเขียวเข้มของผักปวยเล้งมีสารอาหารที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานจำพวก วิตามินเอ ธาตุเหล็ก และโฟเลต นอกจากนี้ยังช่วยลดความอยากอาหารและยังช่วยลดปริมาณแคลอรี่รวมทั้งยังไปกระตุ้นให้ร่างกายเริ่มเผาผลาญไขมันด้วยสารประกอบธรรมชาติที่เรียกว่า thylakoids

 

14.อบเชย

อบเชยเป็นสมุนไพรไทยอีกชนิดที่คนไทยนิยมนำมาประกอบอาหารและต่างชาตินิยมปรุงในขนม ของหวาน หรือแม้แต่เครื่องดื่ม ด้วยอบเชยเป็นสมุนไพรที่จัดอยู่ในกลุ่มของเครื่องเทศรสเผ็ดร้อนนี้ จึงเป็นตัวเร่งการเผาผลาญให้กับร่างกายเราเป็นอย่างดีค่ะ ด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ได้จากอบเชยที่เรียกว่า โพลีฟีนอล ไปช่วยปรับสมดุลระดับอินซูลินทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และยังสามารถลดไขมันในช่องท้องได้อีกด้วยค่ะ

 

15.เกรฟฟรุท

เกรฟฟรุทเป็นผลไม้ตระกูลเดียวกันกับส้มและมีลักษณะคล้ายกันค่ะ มีรชชาติเปรี้ยวอมหวานที่คุณเพิ่มโดยมีความสามารถในการเร่งการเผาผลาญไขมันของร่างกาย ช่วยลดความอยากของอาหารและลดไขมันด้วยค่ะ

 

16.เนยถั่ว

ส่วนใหญ่แล้วเนยถั่วจะนิยมนำมาเป็นเครื่องปรุงรสทาในแซนด์วิช หรือบนขนมปัง เนยถั่วเต็มไปด้วยสารอาหารที่ทำให้หน้าท้องเราแบนราบ คือไปช่วยลดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ลดคอเลสเตอรอล และเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีจากพืชอีกด้วยค่ะ พบว่าเมื่อโปรตีนเกิดการย่อยและเมื่อมันถูกย่อยสลายลงในกรดอะมิโนของร่างกาย โดยกรดอะมิโนหนึ่งในนั้นคือ phenylalanine จะไปกระตุ้นฮอร์โมนที่ช่วยลดความอยากอาหารและทำให้เร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน และช่วยในการลดน้ำหนักค่ะ

 

17.กระเทียม

กระเทียมเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารไทยทั้งแบบสุกและสด ถึงแม้บางคนอาจจะไม่ชอบเมื่อรับประทานไปแล้วทำให้ลมหายใจไม่หอมสดชื่นเท่าที่ควร แต่ถ้าคุณรู้ถึงคุณค่าและประโยชน์จากกระเทียม คุณจะลืมเหตุผลนั้นไปโดยปริยายเลยล่ะค่ะ เพราะว่ากระเทียมจัดเป็นอาหารหรือตัวช่วยในการเร่งการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการสร้างไขมัน (lipids) หรือโมเลกุลของไขมันในเลือดนั่นเองค่ะ

 

18.น้ำเปล่า

น้ำเปล่าเป็นอีกตัวเลือกที่มหัศจรรย์ถึงขั้นที่หลายคนนำมาดื่มเพื่อบำบัดโรคกันเลยทีเดียวค่ะ หลายคนไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าในแต่ละวันดื่มไม่เพียงพอต่อความต้องการร่างกายด้วยซ้ำไป แต่ทราบหรือไม่คะยิ่งคุณดื่มน้ำมากเท่าไหร่นอกจากทำให้ผิวใสเปล่งปลั่งแล้วยังไปทำให้ลดแคลอรี่ที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายลดลงง่ายขึ้นด้วย น้ำเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นและเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบเผาผลาญของร่างกายช่วยทำให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานได้ดียิ่งขึ้น ลองใส่เลม่อนลงไปสักเสี้ยวแล้วดื่มยิ่งช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากเปลือกของเลม่อนที่ไปช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายทั้งยังช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้อีกด้วยค่ะ

 

19.เมล็ดฟักทอง

ก็อาจจะเป็นไปได้ที่หนึ่งในเหตุผลของระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกายเราไม่สามารถเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เนื่องจากเกิดจากระดับแมกนีเซียมในร่างกายของเรานั้นก็มีความจำเป็นต่อร่างกายเช่นกัน ซึ่งแมกนีเซียมจะไปช่วยในการผลิตและเก็บสะสมพลังงาน อีกทั้งยังช่วยเพิ่ม lipolysis (กระบวนการที่ร่างกายเราได้นำเอาไขมันออกไปใช้เป็นพลังงาน)

 

20.กิมจิ

ไม่น่าเชื่อว่ากิมจิที่เป็นอาหารประเภทผักดองก็จัดเป็นอาหารที่ช่วยในการเร่งการเผาผลาญได้อีกด้วยค่ะ ด้วยส่วนประกอบที่พบในกิมจิคือเชื้อโพรไบโอติกช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายให้ดีขึ้นและยังสามารถช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วยค่ะ

 

21.ขมิ้น

ขมิ้นที่ได้จัดเป็นเครื่องเทศอีกอย่างหนึ่งที่คนไทยนิยมนำมาปรุงอาหาร ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ก้าวไกลได้มีการค้นคว้าวิจัยต่างๆ จนเกิดมาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เรียกว่าขมิ้นชันก็มีให้เห็นถมเถไป ด้วยความเป็นเอกลักษณ์จากสี กลิ่น และรสชาติของขมิ้นพบว่าสามารถต่อสู้กับไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากสารสำคัญที่มาจากขมิ้น เรียกว่า curcumin จัดเป็นตัวช่วยเร่งการเผาผลาญและช่วยในเรื่องท้องอืดท้องเฟ้อได้เป็นอย่างดีค่ะ

 

22.ผลไม้ตระกูลเบอรร์รี่

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จำพวก สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ จะเต็มไปด้วยสารโพลีฟีนอลซึ่งจะไปช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันและป้องกันยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของผิวพรรณอีกด้วย โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่ที่จัดเป็นแหล่งที่มีฤทธิ์ของสาร resveratrol ที่เป็น สารต่อต้านอนุมูลอิสระ นั่นเอง

 

www.flickr.com/photos/echadwick/2691099334/

www.flickr.com/photos/aryaziai/8731999161/

6 ข้อจากประโยชน์ของอาหารคลีน (Clean Food)

steak-beef-1
Source: Flickr (click image for link)

ตอนนี้ถ้าพูดถึงการลดน้ำหนักโดยการควบคุมการรับประทานอาหาร จะว่าไปก็มีหลายรูปแบบจะเป็นการควบคุมการทานให้น้อยลง หรือการเลือกรับประทานเฉพาะอาหารบางประเภทให้มากกว่า และในช่วงนี้กระแสที่มาแรงก็หนีไม่พ้นอาหารที่เราเรียกกันว่า “อาหารคลีน” (Clean Food) นั่นเอง บาวคนก็ยังไม่เข้าใจถึงหลักการการรับประทานกันเท่าไหร่นัก แต่ก็อยากลองทำบ้าง บางคนก็บอกว่าดี นอกจากลดน้ำหนักได้แล้วยังช่วยในเรื่องของสุขภาพอีกด้วย ก่อนอื่นเลยวันนี้เรามาทำความเข้าใจหลักการของอาหารที่เราเรียกว่าอาหารคลีนกันค่ะ เพื่อเป็นแนวทางให้คนที่กำลังสนใจและไม่รู้จะเริ่มยังไง การรับประทานอาหารคลีนเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะนำไปสู่ ชีวิตที่มีสุขภาพดี การรับประทานอาหารคลีนคือสิ่งพื้นฐาน ที่ไม่ใช่การควบคุมอาหารตามกระแส การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะใส่ใจเพราะมันไม่ได้มาตามธรรมชาติอีกต่อไป อาหารอเมริกันโดยส่วนใหญ่มีปริมาณไขมันสูง น้ำตาลสูง และอาหารที่มีโซเดียมสูงเป็นส่วนใหญ่ก่อนบรรจุ,ในกระบวนการผลิตและความหลากหลายของอาหาร จานด่วน การรับประทานอาหารคลีนไม่ใช่การลดน้ำหนัก มันเป็นการใช้ชีวิตที่ให้ผลลัพธ์คือสุขภาพที่ดีที่มาจากสารอาหารที่เต็มเปี่ยม นี่คือประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อที่มีความสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารสุขภาพที่ดีค่ะ ความจริงแล้วหากพูดกันตามตรงแล้วล่ะก็ การทานคลีนนั้นมีหลายระดับ อยู่ที่เป้าหมายว่าทานเพื่ออะไร โดยไล่ระดับความยากและรายละเอียดต่างๆตามเป้าหมาย คือ ทานเพื่อสุขภาพ  ทานเพื่อลดน้ำหนัก ลดไขมัน ทานเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งทั้งสามกลุ่มเป้าหมายนี้จะมีรายละเอียดในการจัดอาหารที่แตกต่างกันออกไปแต่จะมีหลักการใกล้เคียงกัน

อาหารคลีนคืออะไร ? อาหารคลีน (Clean Food) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า กินคลีน (Eat Clean, Clean Eating) คือ การทานอาหารที่สด สะอาด โดยเน้นการทานอาหารแบบธรรมชาติไม่ผ่านการปรุงแต่งและขัดสีด้วยสารเคมีต่างๆ หรือกระบวนการหมักดอง รวมถึงอาหารขยะและอาหารสำเร็จรูป ที่จะมีปริมาณแป้ง ผงชูรสและโซเดียมในปริมาณสูง เป็นอาหารที่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่เสริม หรือดัดแปลงผ่านกรรมวิธีอะไรที่มากมาย อีกทั้งต้องสดสะอาด ไม่ใส่สารกันบูด ไม่เค็มหรือหวานจัด ตัวอย่างเช่น หากเป็นผลไม้ก็จะรับประทานแบบผลสดไม่นำไปดองหรือแช่อิ่มหรือหากเป็นเนื้อสัตว์ก็ต้องเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ขาหมู คากิ ตัดออกไปได้เลย เป็นต้น ซึ่งอาหารคลีนนั้นอาจจะมีรสชาติที่ไม่ได้จัดจ้านแบบอาหารปกติสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้จืดชืดจนรับประทานไม่ได้เลย  การรับประทานคลีนนั้นไม่จำเป็นต้องบริโภคผักหรือผลไม้เพียงเดียว แต่ต้องรับประทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่พอเหมาะพอดีกับที่ร่างกายต้องการด้วย ซึ่งส่วนนี้เองที่มีส่วนแตกต่างจากการรับประทานมังสวิรัติโดยปริยาย หรืออาจพูดให้เข้าใจได้ง่ายว่า การทานอาหารคลีนนั้นเป็นการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ โดยทานอาหารอย่างพอเพียงครบสัดส่วนทั้ง 5 หมู่ และอาหารเหล่านั้นต้องไม่มีสารปนเปื้อนนั่นเอง ซึ่งอาหารคลีนนั้นอาจผ่านการปรุงแต่งบ้างเล็กน้อยหรืออาจจะไม่ผ่านการปรุงแต่งเลยก็เป็นได้ เช่นใช้เกลือในการปรุงอาหารรสเพียงเล็กน้อยแทนน้ำปลา หรืออาจจะเป็นซีอิ๊วขาวชนิดที่ไม่มีผงชูรสเจือปน และจะไม่ใช้ผงชูรสในการปรุงอาหาร เป็นต้น

แล้วอาหารแบบไหนที่ไม่ใช่อาหารคลีน ?  อาหารที่ไม่คลีน ง่ายๆ เลยก็คือเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูป อาทิ อาหารกระป๋อง,อาหารกึ่งสำเร็จรูป,อาหารแช่แข็ง,อาหารฟาสต์ฟู้ด จั๊งค์ฟู้ด, ขนมกรุบกรอบ, เครื่องดื่มน้ำอัดลม ฯลฯ

การทานอาหารคลีน การทานอาหารคลีนนั้นคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เป็นการเน้นทานอาหารจำพวกผักในปริมาณเยอะๆ แต่แท้จริงแล้วนั้น การกินอาหารคลีนเป็นการทานอาหารให้ครบสัดส่วน 5 หมู่ โดยเน้นทานอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผักและผลไม้ ให้มีปริมาณที่พอเหมาะพอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย อาหารคลีนนั้นส่วนใหญ่จะไม่ยึดติดกับรสชาติ แต่จะเน้นความเป็นธรรมชาติมากกว่า ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารคลีนจึงต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารใหม่ทั้งหมด โดยค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ ในขั้นแรกนั้นควรเลือกทานอาหารที่คงความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด เช่น จากเดิมเคยทานข้าวขาวก็เปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง หรือเคยทานผลไม้กระป๋องเป็นประจำก็หันมาเลือกทานผลไม้สดแทน จากที่เคยดื่มชากาแฟก็เปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แทน นอกจากนี้การทานอาหารคลีนนั้นเวลาจะเลือกซื้อวัตถุดิบหรืออาหาร ควรเลือกที่ปลอดสารเคมี ไม่ใช้วัตถุกันเสีย สารกันบูด วัตถุปรุงแต่ง หรืออาจจะเลือกซื้อวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิคก็ได้ เพราะเป็นของที่ปลอดสารเคมีนั่นเอง อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเช่น น้ำอัดลม เบเกอรี่ เป็นต้น รวมทั้งอาหารมันอีกด้วย

  • ทานผักผลไม้มากขึ้น เนื่องจากผักและผลไม้ให้พลังงานต่ำจึงสามารถทานได้ในปริมาณมาก มีเส้นใยสูงช่วยให้อยู่ท้องและช่วยในการขับถ่าย นอกจากนี้ผักและผลไม้ยังมีวิตามินและแร่ธาติสารอาหารมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
  • ตัดไขมันอิ่มตัวออกจากมื้ออาหาร โดยหลักแล้วไขมันที่แนะนำให้งดคือไขมันที่มาจาก นม เนย ชีส และเนื้อสัตว์บางชนิด โดยไขมันดีที่ยังแนะนำให้รับประทานอยู่คือไขมันที่มาจาก น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า เนื้อปลา และถั่วต่างๆ เนื่องจากไขมันเหล่านี้ดีสำหรับหัวใจ และช่วยเพิ่มระดับคอเรสเตอรอลตัวดีอย่าง HDL ในขณะที่ไขมันอิ่มตัวนั้นเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดจึงแนะนำให้จำกัดปริมาณ
  • ลด งด ละ เลิก เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด การดื่มแอลกอฮอลในปริมาณที่พอเหมาะอาจดีต่อสุขภาพ (ประมาณ 1 แก้วต่อวัน(ผู้หญิง)หรือประมาณ 2 แก้วต่อวัน (ผู้ชาย)) มากกว่านั้นอาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำและจะทำให้เกิดความอยากอาหารมากกว่าปรกติ
  • ควบคุมความหวาน ปริมาณน้ำตาลที่ทานได้ต่อวันนั้นสำหรับผู้หญิงไม่เกิน 4 ช้อนชา และผู้ชายไม่เกิน 6 ช้อนชา
  • ปริมาณเกลือก็ต้องใส่ใจ ต้องไม่เกิน 2300 มิลลิกรัม หรือประมาณแค่ 1 ช้อนชาต่อวัน
  • เลือกข้าวกล้อง และธัญพืช โดยช้าวกล้องนั้นเป็นข้าวที่ยังไม่ผ่านการขัดสีส่วนของจมูกข้าวออกจึงทำให้ข้าวและธัญพืชเหล่านี้มีคุณประโยชน์จากสารอาหารมากมาย และนอกจากนี้การทานข้าวกล้องและธัญพืชจะทำให้ร่างกายมีกระบวนการดึงไปใช้งานที่เป็นไปอย่างช้าๆ สามารถทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี แถมยังมีกากใยสูงช่วยให้อิ่มนานอีกด้วย
  • อย่าลืมโปรตีน การทานอาหารแบบคลีนนั้นการเลือกแหล่งโปรตีนเป็นเรื่องสำคัญ ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทาน เป็นอันดับหนึ่ง โดยรองลงมาคือ คาร์โบไฮเดรต และ ไขมัน ตามลำดับ ซึ่งวิธีการเลือกแหล่งโปรตีน ควรเลือกโปรตีนที่มีไขมันดี โดยแนะนำให้เป็นอาหารทะเล เช่นเนื้อปลา สำหรับกุ้ง ปลาหมึก และหอย ควรควบคุมปริมาณ หรือ แหล่งโปรตีนไขมันต่ำที่มีราคาพอซื้อหาได้ เช่น อกไก่ ไข่ เนื้อวัวไม่ติดมัน
  • ดูแลเรื่องสัดส่วนของจานอาหาร ควรจำกัดปริมาณ โดยการชั่งตวง และ แบ่งสัดส่วนจานอาหารให้สมดุล

 

6 ข้อจากประโยชน์ของอาหารคลีน (Clean Food)

 

1.ให้ความรู้สึกที่ดีขึ้น

การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะทำให้รู้สึกดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย ผัก ผลไม้และโปรตีนไขมันต่ำซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้จะสร้างพลังในตัวที่สมดุลและทำให้คุณรู้สึกดีตลอดทั้งวันสมองปลอดโปร่ง, มีกล้ามเนื้อที่ดีขึ้น  ดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและระดับพลังงานเพิ่มขึ้น อาหารเพื่อสุขภาพนอกจากนี้ยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์และด้วยเหตุนี้ผิว ผม และ เล็บของคุณจึงมีสุขภาพที่ดี

 

2.ควบคุมน้ำหนักและสุขภาพดี

อาหารคลีนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนอยากผอมเพราะนอกจากจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วยซึ่งถ้าเลือกทานอาหารคลีนในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายไปด้วย นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีอีกด้วยนอกจากนี้อาหารคลีนยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารที่พบมากในอาหารที่ไม่ผ่านการขัดสีโดยมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้ดีนั่นเอง

 

3.สร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น

อาหารที่มีประโยชน์ช่วยป้องกันโรคโดยการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งและลำไส้ การสร้างระบบภูมิคุ้มกันของคุณด้วยอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยให้สามารถที่จะต่อสู้กับความเจ็บป่วยตามธรรมชาติและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ระบบย่อยอาหารเปรียบสเมือนบ้านของแบคทีเรียมากกว่า500ชนิด แบคทีเรียเหล่านี้จะทำให้ลำไส้มีสุขภาพดีและยังช่วยในการย่อยอาหาร แบคทีเรียเหล่านี้ (โปรไบโอติก)จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงโดยการควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย คุณสามารถมั่นใจได้ว่าร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานในระดับที่เหมาะสมโดยการรับประทานอาหารที่อุดมสมบูรณ์เช่นผลไม้ ผัก  รวมถึงอาหารหมัก โยเกิร์ตและ น้ำ 8-10 แก้วต่อวัน

 

4. สมองโล่ง สดใสตลอดวัน

กระบวนการแปรรูป การบรรจุอาหารขยะเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายรู้สึกเฉื่อยชา การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทั้งอาหารที่มีไขมันเพื่อสุขภาพปริมาณที่สูง (โอเมก้า 3 กรดไขมัน) จะทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น  สมองต้องการสารอาหารที่เหมาะสม เช่นโปรตีน ไขมันที่ดีต่อสุขภาพและน้ำตาลบางประเภทเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  อาหารเช่นผักใบเข้ม(ผักคะน้า, ผักขม, ผักชนิดหนึ่ง, หัวผักกาด, มะเขือ, พริกหยวก) มีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงและผลไม้เช่นลูกพรุนลูกเกด, บลูเบอร์รี่, แบล็กสตรอเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, องุ่น, เชอร์รี่มีส่วนช่วยในการปกป้องเซล์สมอง ปลาแซลมอนและปลาทูน่ามีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ และถั่วซึ่งมีปริมาณวิตามินอีสูงนอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีสำหรับสมองอีกด้วย

 

5. เพิ่มระดับพลังงานในตัว

คนส่วนใหญ่หันไปหาที่พึ่งจากน้ำตาลหรือคาเฟอีนสำหรับการเพิ่มพลังงานในตัว พลังงานเร่งด่วนเหล่านี้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้มีการตอบสนองต่ออินซูลิน และทำให้เกิดความผิดพลาด ส่งผลให้คุณรู้สึกแย่มากกว่าเดิม ยิ่งกระบวนการมากขึ้น สารอาหารจะยิ่งน้อยลงจนกระทั่งปราศจากสารอาหาร ถึงขั้นนี้ร่างกายจะไม่รู้สึกถึงการถูกกระตุ้นตลอดทั้งวัน การเพิ่มระดับพลังงานในตัวที่มีประสิทธิภาพ คือการรับประทานอาหารให้ช้าลงเพื่อที่จะมีการปล่อยระดับน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม ทำได้โดยการรวมโปรตีนและเส้นใย อย่างเช่น  ข้าวโอ้ต และผลไม้  โยเกิร์ต และผลไม้ ชีส และ แครกเกอร์ แอปเปิ้ลและเนยถั่ว ชีสกับผัก หรือ ครีมกับผัก เป็นต้น

 

6. ช่วยในการนอนหลับพักผ่อน

วิตามินและแร่ธาตุที่พบในอาหารนอกจากจะช่วยให้ร่างกายของคุณสามารถควบคุมการทำงานของฮอร์โมนตลอดทั้งวันยังส่งเสริมการนอนหลับในเวลากลางคืนได้ดีอีกด้วย การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะทำให้ระบบประสาททำงานอย่างเป็นปกติและกระตุ้นการตอบสนองของฮอร์โมนที่ช่วยให้คุณพักผ่อนได้ดีในเวลากลางคืน เป็นที่รู้จักกันดีที่เกิดขึ้นระหว่างการอดนอนและอัตราโรคอ้วนพุ่งสูงขึ้นเป็น การนอน 7-9 ชั่วโมง จะทำให้ร่างกายของคุณมีเวลาเพียงพอในการสร้างกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ได้อย่างตรงจุด และสามารถเพิ่มพลังงาน  ไม่มีคำอื่นใดนอกจาก การรับประทานอาหารที่สะอาด การพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีกว่า

 

www.flickr.com/photos/foodswings/4590404802/