ดื่มชาเขียวอย่างไรให้ได้คุณประโยชน์มากที่สุด
เครื่องดื่มที่ไม่มีใครไม่รู้จักแล้วก็ยังให้ความนิยมชมชอบกันเป็นชีวิตจิตใจก็คงจะหนีไม่พ้นเครื่องดื่มที่มีชื่อว่า “ชาเขียว” (Green tea) ชาเขียว คือ ชาที่ได้มาจากต้นชา ซึ่งชาชนิดนี้จะไม่ผ่านขั้นตอนการหมักเลย เตรียมได้โดยการนำใบชาสดมาผ่านความร้อนเพื่อทำให้ใบชาแห้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิธีการก็คือเมื่อเก็บใบชามาแล้วก็นำมาทำให้แห้งอย่างรวดเร็วในหม้อทองแดงโดยใช้ความร้อนไม่สูงเกินไปและใช้มือคลึงเบา ๆก่อนแห้งหรืออบไอน้ำในระยะเวลาสั้น ๆแล้วนำไปอบแห้งเพื่อยับยั้งการทำงานเอนไซม์ (ความร้อนจะช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ทำให้ไม่เกิดการสลายตัว) จึงได้ใบชาที่แห้งแต่ยังสดอยู่และมีสีที่ค่อนข้างเขียว จึงเรียกกันว่า “ชาเขียว” และการที่ใบชาที่ได้นั้นไม่ผ่านขั้นตอนการหมักจึงทำให้ใบชามีสารประกอบฟีนอล (Phenolic compound) หลงเหลืออยู่มากกว่าในอู่หลงและชาดำ (สองชนิดนี้คือชาที่ผ่านการหมัก) จึงทำให้ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาทั้งสอง โดยชาเขียวจะมี สารพฤกษเคมี ชื่อ EGCG ตัวนี้เป็นแชมป์เปี้ยนของสารต้านอนุมูลอิสระเลยทีเดียว จึงสามารถช่วยป้องกันมะเร็งและต้านมะเร็งได้ด้วย และมีบางงานวิจัยยังบอกว่าช่วยลดการดูดซึมไขมันและคอเลสเตอร์รอลที่ช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหลอดเลือดตีบตันและโรคหัวใจได้อีกด้วยค่ะ และในชาเขียวนั้นจะมีเจ้าสาร EGCG อยู่ถึงประมาณ 35-50% กันเลยทีเดียว โดยขณะที่ชาอู่หลงมีประมาณ 8-20% และชาดำจะมี EGCG อยู่เพียง 10% เท่านั้นเองค่ะ ชาเขียวที่มีคุณภาพจะได้จากใบชาคู่ที่หนึ่งและใบชาคู่ที่สองที่เก็บจากยอด (ชาวจีนเรียกว่า “บู๋อี๋”) ส่วนใบชาคู่ที่สามและสี่จากยอดจะให้ชาชั้นสอง (ชาวจีนเรียกว่า “อันเคย”) ส่วนใบชาคู่ที่ห้าและหกจากปลายยอดจะเป็นชาชั้นเลว (ชาวจีนเรียกว่า “ล่ำก๋อง”)สำหรับสี กลิ่น และรสชาติของชานั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารคาเทชินที่มีอยู่ในชา โดยฤดูการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว จะมีผลต่อระดับของสารคาเทชิน […]
10 ชนิดของอาหารที่มีเอสโตรเจนสูง
หลายคนคงมึนงงกับหัวข้อบล็อควันนี้กันว่าเอ๊ะ ชนิดของอาหารเอสโตรเจนคืออะไร? และมีประโยชน์ยังไง แต่อย่าเพิ่งกังวลไปค่ะวันนี้ผู้หญิงอย่างเราๆจะได้รับรู้ข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายจากหัวข้อนี้แน่นอนค่ะ ทุกวันนี้การที่จะหาเวลารับประทานอาหารที่ว่ายากแล้วยังไม่เท่ากับการที่จะกินอะไรดีเพื่อให้ได้ประโยชน์และคุณค่าต่อร่างกาย และก็ดูเหมือนว่าสมัยนี้โรคต่างๆนั้นอยู่ไม่ห่างจากเราสักเท่าไหร่ อาหารที่ว่าดีบางทีกินไปแล้วยังทำให้เกิดโรค เอ๊ะทำไมโลกเรามันช่างอยู่ยากขึ้นทุกวันนะ นอกจากอาหารที่เป็นปัจจัยหลักในการดำรงค์ชีวิตของเราแล้ว มลภาวะรอบด้านในแต่ละวันก็ยังก่อปัญหาให้เราอีกอยู่ร่ำไป… เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าเนอะ เลยเถิดไปใหญ่แล้ว อิอิ อาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันนั้นมีผลต่อร่างกายเราโดยตรงเพราะในอาหารนั้นมีสารอาหารที่แตกต่างกันไป แต่วันนี้เราจะมารู้จักกับสารตัวหนึ่งที่อยู่ในอาหารและทำให้เราแก่ช้าลงค่ะ นั่นก็คืออาหารที่มีฮอร์โมนเพศหญิงหรืออาหารที่มีเอสโตรเจนสูงนั่นเองค่ะ เหมาะกับสุขภาพผู้หญิงที่ต้องการปรับฮอร์โมนเพศหญิงให้อยู่ในระดับสมดุลกับร่างกาย คืนความสดใสและ healthy ดีดี๊ที่ผู้หญิงคู่ควรกันค่ะ ก็ยังคงมีความงุนงงกันไปอีกว่าเอ..เจ้าฮอร์โมนที่ว่านี้มันคืออะไรกันนะ งั้นก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าฮอร์โมนตัวนี้กันก่อนเลยค่ะ ฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงที่มีความสำคัญกับสุขภาพผู้หญิงทุกคน เพราะฮอร์โมนเพศหญิงจะช่วยในเรื่องการบำรุงดูแลผิวพรรณ เป็นสารสำคัญของความดูม ๆ ที่หน้าอกหน้าใจ โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ เอสโตรเจนก็จะช่วยในการผลิตน้ำนม อีกทั้งยังมีความสำคัญกับการทำงานของมดลูกและรังไข่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายก็จะลดระดับลง ยิ่งเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน เจ้าเอสโตรเจนของสาว ๆ ก็จะหายหน้าหายตาไปซะเฉย ๆ ส่งผลให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น ผมร่วง หัวล้าน เป็นต้น โอ๊ย ตาย ๆ ถ้าชีวิตเดินไปถึงจุดนั้นขึ้นมา สาว ๆจะหาเอสโตรเจนมาเติมเต็มร่างกายได้จากที่ไหนกันบ้างล่ะ หรือจะเติมเอสโตรเจนให้ร่างกายจากอาหารเหล่านี้ดีนะ เห็นไม่ผิดหรอกค่ะ ในอาหารบางประเภทที่เราไม่เคยทราบมาก่อนเนี่ยแหละค่ะ […]
12 วิธีดื่มน้ำเปล่าอย่างไรให้ได้ประโยชน์ที่สุด
หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะว่าการดื่ม “น้ำเปล่า” นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายและดีอย่างไรนั้นเราได้เขียนไว้ในโพสก่อนๆไปแล้วในโพส “12 ประโยชน์แสนมหัศจรรย์ของการดื่มน้ำปล่า” และวันนี้เราเลยอยากจะมาพูดถึง 12 วิธีดื่มน้ำเปล่าอย่างไรให้ได้ประโยชน์ที่สุด เราจะได้ทราบกันว่าเราได้ดื่มน้ำผิดวิธีกันอยู่หรือเปล่า อย่างที่ทราบกันอ่ะเนอะว่า “น้ำ” เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกายซึ่งขาดไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำกัน บ้างก็กลัวว่าดื่มน้ำมาก ๆ จะทำให้เข้าห้องน้ำบ่อย หรือเหตุผลอีกต่างๆ นานา แต่ขอบอกเลยว่าการที่ไม่ดื่มน้ำจะทำให้คุณพลาดประโยชน์ที่แสนจะอัศจรรย์พันแปดของการดื่มน้ำไปอย่างไม่น่าให้อภัยเลยล่ะค่ะ เพราะ น้ำ คือสารอาหารที่สำคัญที่สุดของร่างกาย เพราะว่า 4/5 ส่วนของน้ำหนักตัวก็คือน้ำ มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายสัปดาห์หากขาดอาหารแต่จะอยู่ได้เพียงไม่กี่วันหากขาดน้ำ โดยน้ำทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายหลักสำหรับอาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยในกระเพาะ แต่ยังไม่มีปริมาณที่ให้ดื่มเฉพาะเจาะจงในแต่ละวัน เพราะการสูญเสียน้ำของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วการดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วต่อวัน วันละประมาณ 2 ลิตร แต่ที่จริงแล้วเวลาและปริมาณในการดื่มหรือความถี่ของการดื่มเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันค่ะ “น้ำเปล่า” นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพราะในร่างกายของมนุษย์ประกอบไปด้วยน้ำถึง 70% ซึ่งระบบภายในของร่างกายมนุษย์ ต้องใช้น้ำในการทำหน้าที่ของระบบร่างกาย เช่น ย่อยอาหาร ทำให้ระบบเลือดหมุนเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้เป็นอย่างดี ขับสารพิษออกจากร่างกาย แต่หากร่างกายของมนุษย์ได้รับน้ำเปล่าในแต่ละวันน้อยจนเกินไปก็จะส่งผลเสียให้กับร่างกาย เช่น เลือดจะมีความเข้มข้นหนืด จนทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายไม่เพียง จะส่งผลให้เส้นเลือดตีบตัน สมองเสื่อมเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ในแต่ละวันร่างกายจะเสียน้ำวันละ 2 ลิตร จากการหายใจ ขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ ทำให้ร่างกายต้องได้รับน้ำจากการดื่มน้ำเปล่าให้ได้วันละประมาณ […]
Vitamin K คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร
วิตามินเค (Vitamin K) เราจะรู้จักวิตามินเคกันดีในเรื่องของการทำให้เลือดแข็งตัว ซึ่งก็เป็นวิตามินอีกตัวที่ร่างกายของเราต้องการและมีความสำคัญไม่แพ้กับวิตามินตัวอื่นๆเลยล่ะค่ะ วิตามินเคเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นเกี่ยวกับเลือดในร่างกายของคนเรารวมถึงทำหน้าที่สำคัญหลายๆอย่างในร่างกาย เราอาจจะคุ้นเคยกับวิตามินซี เอ ดี และอี กันมาแล้วพอสมควร HealthGossip เลยไม่พลาดที่จะนำข้อมูลของวิตามินเคมาให้เพื่อนๆได้รู้จักกันค่ะ หากกล่าวถึงการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดุกเราก็ต้องยกให้เจ้าแคลเซียมเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการทำงานของกระดูก แต่ก่อนที่แคลเซียมที่เราได้รับจากการรับประทานอาหารเข้าไปนั้นจะไม่สามารถไปถึงกระดูกได้หากขาดสารลำเลียงอย่างวิตามินเคไป ก็เพราะวิตามินเคมีส่วนที่ช่วยให้การก่อตัวของกระดูกและการเรียงตัวของเนื้อกระดูกเมื่อทำงาน ร่วมกับแคลเซียมเราจึงได้กระดูกที่มีความแข็งแรงและไม่เปราะง่ายเพราะขาดวิตามินเคนั่นเอง และนอกจากนี้หากขาดวิตามินเคในส่วนนี้อาจทำให้เกิดกระดูกงอกผิดที่ผิทางในส่วนของร่างกายของคนเราได้ และอาจเกิดก้อนหินปูนในอวัยวะต่างๆ รวมถึงอาจก่อให้เกิดหลอดเลือดอุดตันในหัวใจหรือสมองได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดการแข็งตัวของเลือดหากขาดวิตามินเคเลือดจะไหลออกมาไม่หยุดต้องทำการห้ามเลือดอย่างเร่งด่วน ประโยชน์มากมายขนาดนี้แล้ว คงอยากรู้จักกับวิตามินเคกันมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นเรามาทำความรู้จักกับวิตามินเคกันบ้างแล้วกันเนอะเพราะอย่างที่บอกว่าวิตามินตัวนี้ก็สำคัญไม่แพ้วิตามินตัวอื่นๆเหมือนกันค่ะ เกี่ยวกับวิตามินเค (Vitamin K) วิตามินเคเป็นวิตามินในกลุ่มที่ละลายได้ดีในไขมัน วิตามินเค มี 3 ชนิด และรูปแบบที่พบในธรรมชาติ มี 2 รูปแบบ ได้แก่ วิตามินเค I (Vitamin K I) หรือ ฟิลโลควิโนน (phylloquinone) เป็นรูปแบบที่พบในพืชผักใบเขียวและสัตว์ วิตามินเค II (Vitamin K II) หรือ เมนาควิโนน (menaquinone) […]
ชนิดของชาเขียวญี่ปุ่นที่เราอาจจะยังไม่รู้
บางคนถ้าพูดถึง ”ชาเขียว” แล้วล่ะก็…ต้องได้รู้จักกันทุกคนเลยแหละเนอะ บางคนนี่ถึงกับเป็นเมนูโปรดปรานกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะอะไรอะไรก็ต้องเป็นชาเขียวไปซะหมด ก็มันทั้งหอมทั้งอร่อยนี่เนอะเป็นใครก็ต้องหลงรัก ไหนจะปัจจุบันนี้มีร้านเครื่องดื่่มชงสดประเภทกาแฟ ชา ผุดขึ้นมากมาย …. ในนามของร้าน “กาแฟสด” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงสุด แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบกันในระดับโลกเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงรองลงมาจาก “น้ำเปล่า” นั่นก็คือ “น้ำชา” ซึ่ง “ชา” นั้นเป็นเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมที่นุ่มนวลอบอวล เมื่อได้ลิ้มลองดื่มแล้วล่ะก็ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมาเลยทีเดียว ด้วยเหตุผลนี้นี่เองจึงทำให้ผู้คนมากมายนิยมชมชอบที่จะดื่มชากันอย่างแพร่หลาย สำหรับใบชาที่ได้รับความนิยมดื่มกันอยู่ในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ ชาจีน ชาเขียว และชาฝรั่ง ซึ่งชาแต่ละชนิดนั้นมีกรรมวิธีในการผลิตที่แตกต่างกัน แต่หากจะถามว่าแล้วชาชนิดไหนมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดคำตอบคือ “ชาเขียว” นั่นเอง สมัยนี้มองไปทางไหนอะไรก็เป็นชาเขียวไปซะหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเครื่องดื่ม ขนม ไอศกรีม หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆก็จะต้องมีชาเขียวไปผสมอยู่เสมอ แต่จะมีสักกี่คนนะที่รู้จักชนิดของชาเขียว และที่เราชอบดื่มหรือรับประทานอยู่ทุกวันนี้เป็นชาเขียวชนิดไหน? แล้วชาเขียวมีกี่ชนิดกันเนี่ย วันนี้เราเลยจะมาเม้าท์เล่าสู่กันฟังสำหรับคอชาเขียวหรือคนที่กำลังสนใจกันค่ะ ชาเขียว คืออะไร ชาเขียว (Green tea) คือ ชาที่ได้มาจากต้นชา ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Camellia sinensis ซึ่งชาชนิดนี้จะไม่ผ่านขั้นตอนการหมักเลย เตรียมได้โดยการนำใบชาสดมาผ่านความร้อนเพื่อทำให้ใบชาแห้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิธีการก็คือเมื่อเก็บใบชามาแล้วก็นำมาทำให้แห้งอย่างรวดเร็วในหม้อทองแดงโดยใช้ความร้อนไม่สูงเกินไปและใช้มือคลึงเบา […]
Vitamin D คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ “วิตามินดี” (Vitamin D) ถ้าพูดถึงวิตามินดีหลายๆคนจะนึกถึงแคลเซียมกันใช่ไหมล่ะคะ แต่เอะแล้วแคลเซียมเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ก็เพราะว่าวิตามินดีและแคลเซียมมีความสำคัญอย่างมากกับสุขภาพของกระดูกและฟันของเรา และในบางทีเราก็จะรู้จักกับวิตามินดีในนามของ “วิตามินแสงแดด” เนื่องจากจะสามารถสร้างขึ้นได้ในร่างกายหลังจากถูกแสงแดด การให้ร่างกายได้รับแสงแดดที่เหมาะสมครั้งละ 5-30 นาที สองครั้งต่อสัปดาห์ก็พอที่จะทำให้ร่างกายสร้างวิตามินดีขึ้นมาใช้ได้อย่างเพียงพอ ซึ่งหมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องได้รับวิตามินดีจากอาหาร ยกเว้นก็ต่อเมื่อได้รับแสงอาทิตย์น้อยเกินไป ซึ่งมักไม่เป็นปัญหาในเด็ก แต่เนื่องจากรังสี UV ในแสงอาทิตย์โดยเฉพาะในประเทศไทยบ้านเรา อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ American Academy of Dermatology จึงแนะนำให้เรารับวิตามินผ่านทางอาหารหรืออาหารเสริมมากว่า วิตามินดีเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์เนื่องจากจะช่วยในการสร้างแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และยังช่วยให้ร่างกายคงระดับของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดให้อยู่ในระดับที่เพียงพอนั่นเองค่ะ แต่นอกจากนี้แล้ว วิตามินดียังมีความสำคัญและบทบาทต่อสุขภาพอื่นๆของเราอีกด้วยค่ะ เพราะฉะนั้น HealthGossip เลยไม่รอช้าที่จะนำเสนอข้อมูลเพื่อให้เราได้เรียนรู้และรู้จักกับวิตามินดีกันให้มากขึ้นค่ะ วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันมีอยู่ด้วยกันสองฟอมร์คือ Ergocalciferol พบในยีสต์ และ Cholecalciferol พบในน้ำมันตับปลา ไข่แดง และสังเคราะห์ที่ผิวหนัง ส่วนในน้ำนมจะพบได้ทั้งสองฟอมร์ เกี่ยวกับวิตามินดี หรือ Cholecalciferol วิตามินดี คือเซกโคสเตอรอยด์ (secosteroids) ที่ละลายในไขมันกลุ่มหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เสริมการดูดซึมแคลเซียม เหล็ก แม็กนีเซียม ฟอสเฟตและสังกะสีในมนุษย์ วิตามินดี มีหลักๆอยู่สองตัวคือ วิตามินดี 2 […]
13 ผลไม้ที่แสนหอมหวานแต่กินแล้วทำให้อ้วน
ก่อนหน้านี้ได้พูดถึง 13 ชนิดของผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน วันนี้ HealthGossip เลยอยากนำเสนอ 13 ชนิดของผลไม้ที่กินแล้วทำให้อ้วนมาบอกกันค่ะ บางคนหรือสาวๆหลายคนเลยที่ชอบรับประทานผลไม้และก็อีกหลายคนที่เลือกรับประทานผลไม้เป็นการลดน้ำหนัก เพราะมีความเชื่อว่าผลไม้นั้นไม่มีไขมัน พลังงานต่ำ ทานเท่าไหร่ก็คงไม่อ้วนหรอก หรือในบางคนก็พยายามออกกำลังกายและรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง แต่ไม่ว่าจะทำยังไงน้ำหนักก็กลับไม่ลดลงเท่าที่ควรซักที เวลาที่สาวๆ อยากจะมีหุ่นที่ผอมเพรียวโดยการอดอาหารแล้วหันมาบริโภคแต่ผลไม้นั้นนับเป็นวิธีแสนเบสิกที่ตั้งแต่ดาราฮอลลีวูดไปจนถึงพนักงานออฟฟิศใช้กันมาช้านาน แต่ใครจะรู้ละคะว่า “ผลไม้” ที่ทั้งอร่อยและได้ประโยชน์ก็สามารถสร้างความปวดใจให้กับน้ำหนักตัวของเราได้เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นภาพลักษ์ที่เหล่าคนดังในจอเงินทำให้คุณเห็นว่า พวกเขาพยายามมากขนาดไหนในการควบคุมน้ำหนัก ไม่ว่าจะด้วยการกินผลไม้ตลอดทั้งสัปดาห์ก็แล้ว แต่คุณเคยสงสัยกันหรือเปล่าวล่ะคะว่า มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าที่การทานเพียงผลไม้เพื่อลดน้ำหนักนั้นจะสามารถช่วยทำให้คุณสูญเสียน้ำหนักและมีหุ่นที่ดีเพรียวสวยเข้ารูปได้จริงหรือเปล่านะ แน่นอนว่าผลไม้นั้นมีหลากหลายประเภทและคุณจะแน่ใจกันได้ยังไงว่าการเลือกรับประทานผลไม้เพื่อลดน้ำหนัก ผลไม้ที่ว่านั้นถูกประเภทกันแล้วหรือยัง อย่าลืมว่าผลไม้บางชนิดก็มีน้ำตาลสูง สังเกตุได้ง่ายก็ผลไม้ที่มีรสหวานจัดๆนั่นแหล่ะค่ะ แต่ว่าจะมีอะไรกันบ้างน้้น HealthGossip ไปหาคำตอบมาให้สาวๆทั้งหลายจดและจำกันให้ขึ้นใจแล้วค่าา 13 ผลไม้ที่แสนหอมหวานแต่กินแล้วทำให้อ้วน!! สำหรับผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลมากก็สังเกตได้ไม่ยากค่ะ ก็จำพวกที่มีสีเหลือง ๆ รสหวานจัด ๆ นั่นแหละค่ะ และที่น่าสนใจอีกอย่างคือ พวกเราดั๊นชอบซื้อชอบทานกันซะด้วย อะไรที่อร่อยมักจะสุขภาพไม่ดีอ่ะเนอะ แล้วนี่จะทำยังไงล่ะ นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ จะบอกว่าห้ามกินก็คงไม่ได้อีก ใครจะไปทำได้อ่ะเนอะ เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ เมื่อเราทราบแล้วว่าผลไม้ชนิดไหนนั้นมีแคลลอรี่เท่าไหร่ เราก็ทำการดมเฉยๆหรือไม่ก็อมแล้วคายออกมา แฮ่ะๆ ล้อเล่นค่ะ ทำไมต้องทรมานใจตนเองขนาดนั้นอ่ะเน้อ ก็แค่จะบอกว่าเราก็รับปประทานผลไม้เหล่านั้นให้น้อยลงเท่านั้นเองล่ะค่า […]
Vitamin A คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
“วิตามินเอ” (Vitamin A) เป็นวิตามินอีกตัวที่สำคัญและมีประโยชน์ไม่แพ้กับวิตามินชนิดอื่นๆ แต่ถึงจะมีประโยชน์มากมายเพียงใด การที่ได้รับวิตามินเอไม่เพียงพอก็จะส่งผลต่อร่างกายของเราโดยเฉพาะดวงตา ผิวหนัง และระบบภูมิต้านทานโรค แล้วทำอย่างไรจึงจะไม่ขาดวิตามินเอจนร่างกายเจ็บป่วยล่ะและถ้าหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปอีกล่ะ ดังนั้นเราจึงต้องมาทำความรู้จักกับประโยชน์และโทษของวิตามินชนิดนี้กันให้กระจ่างแจ้งกันค่ะ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับวิตามินชนิดนี้อย่างถูกต้องเหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดและก็จะได้มั่นใจว่าจะไม่ก่อโทษต่อร่างกายตามมาในภายหลัง… วิตามินเอ (Vitamin A) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ค้นพบโดย ดร. อี.วี. แมคคอลลัม (E.V. McCollum) นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกา ร่างกายของเราสามารถสะสมวิตามินเอได้นานมากอาจนานได้ถึง 1 หรือ 2 ปี โดยเก็บไว้ในชั้นเซลล์ไขมัน วิตามินเอจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ อยู่ในรูปแบบวิตามินอยู่แล้ว (Proformed Vitamin A) หรือเรียกว่า Retinol ซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์ เช่น น้ำมันตับปลา อาหารประเภทเนื้อ ไข่ ตับและเครื่องใน กำลังจะเป็นวิตามินเอ (Provitamin A) หรือเรียกว่า เบต้า แคโรทีน (Beta-Carotene) เป็นสารที่เมื่อเข้าสู่รางกายจึงได้รับการเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ […]
5 ชนิดของอาหารที่ทำให้เกิดสิว ที่คุณต้องรู้
ถ้าพูดถึงเรื่องของสิวๆ ที่เขาบอกว่าสิวนั้นเกิดขึ้นจากการที่คุณล้างหน้าไม่สะอาดพอ หรือเพราะฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากรูขุมขนมากจนเกินไปแล้ว หลายๆ คนที่กำลังสงสัยจนกลายเป็นก่อให้เกิดความเป็นกังวลว่าทำไมสิวถึงได้ขึ้นตามบนใบหน้าของเราหนักหน่วงนัก ทั้งๆที่ก็นอนหลับผักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว รักษาความสะอาดตามใบหน้าก็แล้ว ไหนจะไม่ได้มีปัญหาเรื่องของการใช้ครีมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ก่อเกิดสิวเลยซักนิด แต่ก็ยังจะเป็นสิวอยู่นั่น หากยังสงสัยกันอยู่ละก็ว่าทำไมถึงมีสิว วันนี้เรามีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้นั้นก็คือ อาหารที่เรารับประทานกันอยู่เป็นประจำนั้นเอง แล้วรู้รึเปล่าว่าอาหารการกินนั้นเป็นส่วนมีผลทำให้การหลั่งไหลของสารไขมันนั้นขับออกมามากเกินกว่าที่กำหนดเอาไว้ จนเป็นเหตุให้เกิดการอุดตันของสิว เพราะงั้นวันนี้ HealthGossip จึงอยากมาพูดถึงอาหารต้องห้ามที่ทำให้เกิดสิว ใครที่ลองรักษาสิวยังไงก็ไม่หายสักที ลองมาดูเรื่องอาหารการกินสักหน่อย เพราะการกินอาหารที่ไปกระตุ้นการเกิดสิวนั้น อาจจะเป็นสาเหตุที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้ เพื่อเป็นแนวทางที่ดีที่คุณๆจะได้ศึกษาแล้วลดลงปริมาณการรับประทานอาหารชนิดนั้นลง 5 ชนิดของอาหารที่ทำให้เกิดสิว 1.ขนมปัง มันฝรั่งทอด เบเกอร์รี่ทุกชนิด อาหารที่มีส่วนประกอบหลักที่เป็นแป้งกับน้ำตาลนี่ไม่ควรกินอย่างยิ่ง เลี่ยงได้ขอให้เลี่ยงเลยแม้จะทำใจยากซักหน่อยแต่ก็ปรับให้น้อยลง เพราะการที่เรากินน้ำตาลเยอะๆจะทำให้เซลล์ผิวของเราเกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เกิดไขมันไปอุดตันที่ผิวหนังได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้เวลาที่เรากินพวกขนมปัง ของทอดๆ มันฝรั่งกรุบกรอบ แล้วสิวชอบขึ้นแถมรักษาไม่ค่อยหายก็เพราะสาเหตุนี้นั่นเองค่ะ หรือง่ายๆว่า อาหารที่มีรสชาติหวานที่ใส่น้ำตาลเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผัก น้ำผลไม้ น้ำหวานน้ำอัดลม รวมไปถึงขนมหวานทั้งหลาย หรืออาหารที่ทำจากแป้ง เช่นขนมขบเคี้ยว ขนมปัง 2.ขนมหวาน ช๊อคโกแลต ขนมเค้ก เป็นอาหารที่อดใจกินได้ยากจริงๆ แต่ละอย่างทั้งหอม หวาน มัน อร่อยลืมอ้วนกันไปเลยทีเดียว […]
Vitamin E คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
วิตามินอี (Vitamin E) เป็นอีกวิตามินหนึ่งที่สาวๆคนไหนก็ต้องรู้จักกันทั้งนั้นและส่วนมากที่เรารู้ๆกันจะเป็นเรื่องในการช่วยลบเลือนรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว ที่เราจะเห็นได้ทั่วไปนั้นตามผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในร้านขายยาหรือร้านขายครีมต่างๆ แต่รู้กันไหมล่ะคะว่าวิตามินอีไม่ได้มีประโยชน์แค่นั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เราคงยังไม่ทราบกัน เพราะฉะนั้นวันนี้ HealthGossip จะมาขอนำเสนอข้อมูลนี้ให้ทราบโดยทั่วกันค่ะ ในเมื่อวิตามินที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระเอกที่ช่วยปกป้องร่างกายก็คงจะหนีไม่พ้น “วิตามินอี” ซึ่งจากความน่าสนใจในประโยชน์ต่างๆ ดึงดูดให้ผู้บริโภคหลายๆ คนใช้วิตามินอี โดยลืมคำนึงถึงความจำเป็นที่ควรจะได้รับหรือโทษที่อาจเกิดขึ้นเมื่อได้รับมากจนเกินความต้องการของร่างกาย ดังนั้นเราจึงไม่รอช้าที่จะนำข้อมูลทั้งดีและโทษมาบอกให้เข้าใจกันมากขึ้นค่ะ เกี่ยวกับ วิตามินอี หรือ Tocopherol วิตามินอีเป็นวิตามินชนิดละลายในไขมัน (fat soluble vitamin) มีลักษณะเป็นของเหลวคล้ายน้ำมัน สีเหลืองอ่อน ไม่ละลายในน้ำ ละลายได้ในสารละลายไขมัน เช่น แอลกอฮอล์ อีเทอร์ วิตามินอีมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์ จึงเรียกชื่อตามความหมาย คือ Tocopherol มาจากภาษากรีก Tokos แปลว่า เด็ก (Children) และ Pheno แปลว่า ทำให้เกิด (to bear) วิตามินอีมีมากในพืชส่วนในสัตว์นั้นพบน้อยมาก การบริโภคผักหรือผลไม้สดจะช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินอีที่ร่างกายได้รับได้ นอกจากนี้ยังพบว่าน้ำนมมารดา โดยเฉพาะน้ำนมมารดาหลังคลอด (colostrum) ก็เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่ให้วิตามินอีในปริมาณที่สูงมากเช่นกัน อาหารที่ให้วิตามินอี ได้แก่ […]