Browse Tag: fast foods

ไขมันทรานส์ (Trans Fat) คืออะไร

eat-burger-1
Source: Flickr (click image for link)

ไขมันทรานส์ (Trans fat)

ไขมันทรานส์ (Trans fat) เป็นไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งพบได้ไม่บ่อยในธรรมชาติ แต่สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้จากกระบวนการแปรรูปกรดไขมันไม่อิ่มตัวให้กลายเป็นกรดไขมันอิ่มตัวสูง ตัวอย่างเช่น การทำน้ำมันพืช จะมีการเติมไฮโดรเจนลงไปในน้ำมันพืช เรียกว่า กระบวนการไฮโดรจีเนชั่น (hydrogenation) เช่น น้ำมันถั่วเหลือง หรือแม้กระทั่งการแปรรูปให้มีลักษณะเป็นกึ่งของแข็ง เช่น มาร์การีนหรือเนยเทียม เนยขาว ครีมเทียม เป็นต้น โดยวัตถุดิบเหล่านี้จะมีชื่อบนฉลากอาหาร คือ กรดไขมันชนิดทรานส์ หรือ hydrogenated oil หรือ partially hydrogenated oil

“ไขมันทรานส์” คือ ไขมันที่ผ่านกระบวนการเพิ่มอะตอมไฮโดรเจนเข้าไปในโมเลกุล ทำให้คุณสมบัติของไขมันเปลี่ยนแปลงไป โดยจะแข็งตัวมีทรงมากขึ้น มีการเปลี่ยนแปลง เสื่อมเสีย เหม็นหืนช้าลง ดังนั้นจึงทำให้ไขมันทรานส์สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยไม่เหม็นหืน ไม่เป็นไข ทนความร้อนได้สูงและมีรสชาติใกล้เคียงกับไขมันจากสัตว์แต่จะมีราคาที่ถูกกว่า​ บรรดาผู้ประกอบกิจการอาหารต่างๆ จึงมักนิยมนำไขมันทรานส์มาใช้ประกอบอาหารมากมาย เพื่อประโยชน์ในด้านการลดต้นทุนการผลิตลง เช่น กลุ่มอาหารฟาสต์ฟูดที่ใช้เป็นน้ำมันสำหรับทอดไก่ มันฝรั่ง โดนัท หรือการนำมาใช้ในการประกอบกิจการเบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว ครีมเทียมและวิปปิ้งครีม เป็นต้น ดังนั้นอุตสาหกรรมอาหารจึงนิยมนำาใช้ผสมในอาหารและขนมค่ะ

 

cracker-1
Source: Flickr (click image for link)

 

 

 

 

ผลร้ายจากไขมันทรานส์

ถึงแม้ว่าไขมันทราน์จะสามารถทานได้ แต่การที่เราได้รับประทานอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์มากๆ จะไปมีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ cholesterol acyltranferase ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการเมตาบอลิซึมของคอเลสเตอรอล ทำให้ระดับ LDL ที่เป็นคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีในเลือดเพิ่มขึ้น และจะไปลดระดับ HDL ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีในเลือดลง อีกทั้งยังไปเพิ่มไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดและเพิ่มการอักเสบทั่วร่างกาย เนื่องจากไขมันทรานส์เป็นไขมันที่เกิดจากการแปรรูปจึงย่อยสลายได้ยากกว่าไขมันชนิดอื่น เป็นผลทำให้ตับต้องสลายไขมันทรานส์ด้วยวิธีการที่แตกต่างไปจากการย่อยสลายไขมันตัวอื่น จึงอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ผิดปกติกับร่างกาย คือจะทำให้ร่างกายมีน้ำหนักและไขมันส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น มีภาวะการทำงานของตับที่ผิดปกติ มีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานและโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โดยความเสี่ยงที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นผลจากงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาถึงเรื่องไขมันทรานส์

ถึงตอนนี้แล้วพูดได้เลยว่าไขมันทรานส์นั้นได้กลายเป็นศัตรูตัวร้ายและอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวอย่างแน่นอน และก็มีในหลายๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้มีการออกข้อบังคับเกี่ยวกับการระบุปริมาณไขมันทรานส์บนฉลากโภชนาการ และให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการจำกัดการบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์แล้วด้วย

โดยสถาบันทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา (Institute of Medicine) มีข้อแนะนำเมื่อปี 2548 ว่า ให้บริโภคไขมันทรานซ์น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของพลังงาน หรือ 2 กรัมต่อพลังงาน 1,800 กิโลแคลอรีต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณไขมันทรานซ์ที่คนเราได้รับจากการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม และปัจจุบันในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีข้อบังคับให้ระบุปริมาณไขมันทรานซ์บนฉลากอาหาร ทำให้ผู้ผลิตหันมาใช้กรดไขมันอิ่มตัวแทน ซึ่งถ้าไม่อ่านฉลากให้ละเอียดเราอาจจะพลาดได้ แม้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ากรดไขมันอิ่มตัวจะเป็นอันตรายต่อร่างกายเพียงไหน แต่ทางที่ดีที่สุดคือ ควรจำกัดปริมาณไขมันรวมที่บริโภค จะช่วยให้จำกัดไขมันทุกชนิดไปในตัว แต่น่าเสียใจที่บ้านเรายังไม่มีมาตรการทางกฎหมาย มาควบคุมการใช้หรือบังคับให้ระบุปริมาณไขมันทรานส์บนฉลากโภชนาการ

 

ในคนที่รักสุขภาพและคนที่ใส่ใจสุขภาพไม่ควรที่จะมองข้ามกันนะคะ และควรที่จะระมัดระวังในเรื่องการเลือกทานอาหารมากขึ้น โดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณไขมันทรานส์เยอะ เช่น อาหารประเภทของทอด (ไก่ทอด, เฟรนซ์ฟรายส์, นักเก็ต) ซึ่งมักจะใช้น้ำมันทอดซ้ำๆ จนหนืด รวมทั้งแฮมเบอเกอร์ หรือขนมขบเคี้ยวที่เก็บไว้นานๆ แต่ก็ยังกรุบกรอบ นอกจากนี้ยังรวมถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของเนยขาวและมาร์การีน จำพวก คุ้กกี้ พาย พัฟ หรือขนมขบเคี้ยวชนิดแท่งด้วย

 

 

www.flickr.com/photos/mr_t_in_dc/4722400577/

www.flickr.com/photos/eplewis/7435456486/

6 ข้อจากประโยชน์ของอาหารคลีน (Clean Food)

steak-beef-1
Source: Flickr (click image for link)

ตอนนี้ถ้าพูดถึงการลดน้ำหนักโดยการควบคุมการรับประทานอาหาร จะว่าไปก็มีหลายรูปแบบจะเป็นการควบคุมการทานให้น้อยลง หรือการเลือกรับประทานเฉพาะอาหารบางประเภทให้มากกว่า และในช่วงนี้กระแสที่มาแรงก็หนีไม่พ้นอาหารที่เราเรียกกันว่า “อาหารคลีน” (Clean Food) นั่นเอง บาวคนก็ยังไม่เข้าใจถึงหลักการการรับประทานกันเท่าไหร่นัก แต่ก็อยากลองทำบ้าง บางคนก็บอกว่าดี นอกจากลดน้ำหนักได้แล้วยังช่วยในเรื่องของสุขภาพอีกด้วย ก่อนอื่นเลยวันนี้เรามาทำความเข้าใจหลักการของอาหารที่เราเรียกว่าอาหารคลีนกันค่ะ เพื่อเป็นแนวทางให้คนที่กำลังสนใจและไม่รู้จะเริ่มยังไง การรับประทานอาหารคลีนเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะนำไปสู่ ชีวิตที่มีสุขภาพดี การรับประทานอาหารคลีนคือสิ่งพื้นฐาน ที่ไม่ใช่การควบคุมอาหารตามกระแส การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะใส่ใจเพราะมันไม่ได้มาตามธรรมชาติอีกต่อไป อาหารอเมริกันโดยส่วนใหญ่มีปริมาณไขมันสูง น้ำตาลสูง และอาหารที่มีโซเดียมสูงเป็นส่วนใหญ่ก่อนบรรจุ,ในกระบวนการผลิตและความหลากหลายของอาหาร จานด่วน การรับประทานอาหารคลีนไม่ใช่การลดน้ำหนัก มันเป็นการใช้ชีวิตที่ให้ผลลัพธ์คือสุขภาพที่ดีที่มาจากสารอาหารที่เต็มเปี่ยม นี่คือประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อที่มีความสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารสุขภาพที่ดีค่ะ ความจริงแล้วหากพูดกันตามตรงแล้วล่ะก็ การทานคลีนนั้นมีหลายระดับ อยู่ที่เป้าหมายว่าทานเพื่ออะไร โดยไล่ระดับความยากและรายละเอียดต่างๆตามเป้าหมาย คือ ทานเพื่อสุขภาพ  ทานเพื่อลดน้ำหนัก ลดไขมัน ทานเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งทั้งสามกลุ่มเป้าหมายนี้จะมีรายละเอียดในการจัดอาหารที่แตกต่างกันออกไปแต่จะมีหลักการใกล้เคียงกัน

อาหารคลีนคืออะไร ? อาหารคลีน (Clean Food) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า กินคลีน (Eat Clean, Clean Eating) คือ การทานอาหารที่สด สะอาด โดยเน้นการทานอาหารแบบธรรมชาติไม่ผ่านการปรุงแต่งและขัดสีด้วยสารเคมีต่างๆ หรือกระบวนการหมักดอง รวมถึงอาหารขยะและอาหารสำเร็จรูป ที่จะมีปริมาณแป้ง ผงชูรสและโซเดียมในปริมาณสูง เป็นอาหารที่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่เสริม หรือดัดแปลงผ่านกรรมวิธีอะไรที่มากมาย อีกทั้งต้องสดสะอาด ไม่ใส่สารกันบูด ไม่เค็มหรือหวานจัด ตัวอย่างเช่น หากเป็นผลไม้ก็จะรับประทานแบบผลสดไม่นำไปดองหรือแช่อิ่มหรือหากเป็นเนื้อสัตว์ก็ต้องเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ขาหมู คากิ ตัดออกไปได้เลย เป็นต้น ซึ่งอาหารคลีนนั้นอาจจะมีรสชาติที่ไม่ได้จัดจ้านแบบอาหารปกติสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้จืดชืดจนรับประทานไม่ได้เลย  การรับประทานคลีนนั้นไม่จำเป็นต้องบริโภคผักหรือผลไม้เพียงเดียว แต่ต้องรับประทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่พอเหมาะพอดีกับที่ร่างกายต้องการด้วย ซึ่งส่วนนี้เองที่มีส่วนแตกต่างจากการรับประทานมังสวิรัติโดยปริยาย หรืออาจพูดให้เข้าใจได้ง่ายว่า การทานอาหารคลีนนั้นเป็นการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ โดยทานอาหารอย่างพอเพียงครบสัดส่วนทั้ง 5 หมู่ และอาหารเหล่านั้นต้องไม่มีสารปนเปื้อนนั่นเอง ซึ่งอาหารคลีนนั้นอาจผ่านการปรุงแต่งบ้างเล็กน้อยหรืออาจจะไม่ผ่านการปรุงแต่งเลยก็เป็นได้ เช่นใช้เกลือในการปรุงอาหารรสเพียงเล็กน้อยแทนน้ำปลา หรืออาจจะเป็นซีอิ๊วขาวชนิดที่ไม่มีผงชูรสเจือปน และจะไม่ใช้ผงชูรสในการปรุงอาหาร เป็นต้น

แล้วอาหารแบบไหนที่ไม่ใช่อาหารคลีน ?  อาหารที่ไม่คลีน ง่ายๆ เลยก็คือเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูป อาทิ อาหารกระป๋อง,อาหารกึ่งสำเร็จรูป,อาหารแช่แข็ง,อาหารฟาสต์ฟู้ด จั๊งค์ฟู้ด, ขนมกรุบกรอบ, เครื่องดื่มน้ำอัดลม ฯลฯ

การทานอาหารคลีน การทานอาหารคลีนนั้นคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เป็นการเน้นทานอาหารจำพวกผักในปริมาณเยอะๆ แต่แท้จริงแล้วนั้น การกินอาหารคลีนเป็นการทานอาหารให้ครบสัดส่วน 5 หมู่ โดยเน้นทานอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผักและผลไม้ ให้มีปริมาณที่พอเหมาะพอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย อาหารคลีนนั้นส่วนใหญ่จะไม่ยึดติดกับรสชาติ แต่จะเน้นความเป็นธรรมชาติมากกว่า ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารคลีนจึงต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารใหม่ทั้งหมด โดยค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ ในขั้นแรกนั้นควรเลือกทานอาหารที่คงความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด เช่น จากเดิมเคยทานข้าวขาวก็เปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง หรือเคยทานผลไม้กระป๋องเป็นประจำก็หันมาเลือกทานผลไม้สดแทน จากที่เคยดื่มชากาแฟก็เปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แทน นอกจากนี้การทานอาหารคลีนนั้นเวลาจะเลือกซื้อวัตถุดิบหรืออาหาร ควรเลือกที่ปลอดสารเคมี ไม่ใช้วัตถุกันเสีย สารกันบูด วัตถุปรุงแต่ง หรืออาจจะเลือกซื้อวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิคก็ได้ เพราะเป็นของที่ปลอดสารเคมีนั่นเอง อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเช่น น้ำอัดลม เบเกอรี่ เป็นต้น รวมทั้งอาหารมันอีกด้วย

  • ทานผักผลไม้มากขึ้น เนื่องจากผักและผลไม้ให้พลังงานต่ำจึงสามารถทานได้ในปริมาณมาก มีเส้นใยสูงช่วยให้อยู่ท้องและช่วยในการขับถ่าย นอกจากนี้ผักและผลไม้ยังมีวิตามินและแร่ธาติสารอาหารมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
  • ตัดไขมันอิ่มตัวออกจากมื้ออาหาร โดยหลักแล้วไขมันที่แนะนำให้งดคือไขมันที่มาจาก นม เนย ชีส และเนื้อสัตว์บางชนิด โดยไขมันดีที่ยังแนะนำให้รับประทานอยู่คือไขมันที่มาจาก น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า เนื้อปลา และถั่วต่างๆ เนื่องจากไขมันเหล่านี้ดีสำหรับหัวใจ และช่วยเพิ่มระดับคอเรสเตอรอลตัวดีอย่าง HDL ในขณะที่ไขมันอิ่มตัวนั้นเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดจึงแนะนำให้จำกัดปริมาณ
  • ลด งด ละ เลิก เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด การดื่มแอลกอฮอลในปริมาณที่พอเหมาะอาจดีต่อสุขภาพ (ประมาณ 1 แก้วต่อวัน(ผู้หญิง)หรือประมาณ 2 แก้วต่อวัน (ผู้ชาย)) มากกว่านั้นอาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำและจะทำให้เกิดความอยากอาหารมากกว่าปรกติ
  • ควบคุมความหวาน ปริมาณน้ำตาลที่ทานได้ต่อวันนั้นสำหรับผู้หญิงไม่เกิน 4 ช้อนชา และผู้ชายไม่เกิน 6 ช้อนชา
  • ปริมาณเกลือก็ต้องใส่ใจ ต้องไม่เกิน 2300 มิลลิกรัม หรือประมาณแค่ 1 ช้อนชาต่อวัน
  • เลือกข้าวกล้อง และธัญพืช โดยช้าวกล้องนั้นเป็นข้าวที่ยังไม่ผ่านการขัดสีส่วนของจมูกข้าวออกจึงทำให้ข้าวและธัญพืชเหล่านี้มีคุณประโยชน์จากสารอาหารมากมาย และนอกจากนี้การทานข้าวกล้องและธัญพืชจะทำให้ร่างกายมีกระบวนการดึงไปใช้งานที่เป็นไปอย่างช้าๆ สามารถทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี แถมยังมีกากใยสูงช่วยให้อิ่มนานอีกด้วย
  • อย่าลืมโปรตีน การทานอาหารแบบคลีนนั้นการเลือกแหล่งโปรตีนเป็นเรื่องสำคัญ ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทาน เป็นอันดับหนึ่ง โดยรองลงมาคือ คาร์โบไฮเดรต และ ไขมัน ตามลำดับ ซึ่งวิธีการเลือกแหล่งโปรตีน ควรเลือกโปรตีนที่มีไขมันดี โดยแนะนำให้เป็นอาหารทะเล เช่นเนื้อปลา สำหรับกุ้ง ปลาหมึก และหอย ควรควบคุมปริมาณ หรือ แหล่งโปรตีนไขมันต่ำที่มีราคาพอซื้อหาได้ เช่น อกไก่ ไข่ เนื้อวัวไม่ติดมัน
  • ดูแลเรื่องสัดส่วนของจานอาหาร ควรจำกัดปริมาณ โดยการชั่งตวง และ แบ่งสัดส่วนจานอาหารให้สมดุล

 

6 ข้อจากประโยชน์ของอาหารคลีน (Clean Food)

 

1.ให้ความรู้สึกที่ดีขึ้น

การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะทำให้รู้สึกดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย ผัก ผลไม้และโปรตีนไขมันต่ำซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้จะสร้างพลังในตัวที่สมดุลและทำให้คุณรู้สึกดีตลอดทั้งวันสมองปลอดโปร่ง, มีกล้ามเนื้อที่ดีขึ้น  ดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและระดับพลังงานเพิ่มขึ้น อาหารเพื่อสุขภาพนอกจากนี้ยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์และด้วยเหตุนี้ผิว ผม และ เล็บของคุณจึงมีสุขภาพที่ดี

 

2.ควบคุมน้ำหนักและสุขภาพดี

อาหารคลีนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนอยากผอมเพราะนอกจากจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วยซึ่งถ้าเลือกทานอาหารคลีนในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายไปด้วย นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีอีกด้วยนอกจากนี้อาหารคลีนยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารที่พบมากในอาหารที่ไม่ผ่านการขัดสีโดยมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้ดีนั่นเอง

 

3.สร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น

อาหารที่มีประโยชน์ช่วยป้องกันโรคโดยการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งและลำไส้ การสร้างระบบภูมิคุ้มกันของคุณด้วยอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยให้สามารถที่จะต่อสู้กับความเจ็บป่วยตามธรรมชาติและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ระบบย่อยอาหารเปรียบสเมือนบ้านของแบคทีเรียมากกว่า500ชนิด แบคทีเรียเหล่านี้จะทำให้ลำไส้มีสุขภาพดีและยังช่วยในการย่อยอาหาร แบคทีเรียเหล่านี้ (โปรไบโอติก)จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงโดยการควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย คุณสามารถมั่นใจได้ว่าร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานในระดับที่เหมาะสมโดยการรับประทานอาหารที่อุดมสมบูรณ์เช่นผลไม้ ผัก  รวมถึงอาหารหมัก โยเกิร์ตและ น้ำ 8-10 แก้วต่อวัน

 

4. สมองโล่ง สดใสตลอดวัน

กระบวนการแปรรูป การบรรจุอาหารขยะเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายรู้สึกเฉื่อยชา การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทั้งอาหารที่มีไขมันเพื่อสุขภาพปริมาณที่สูง (โอเมก้า 3 กรดไขมัน) จะทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น  สมองต้องการสารอาหารที่เหมาะสม เช่นโปรตีน ไขมันที่ดีต่อสุขภาพและน้ำตาลบางประเภทเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  อาหารเช่นผักใบเข้ม(ผักคะน้า, ผักขม, ผักชนิดหนึ่ง, หัวผักกาด, มะเขือ, พริกหยวก) มีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงและผลไม้เช่นลูกพรุนลูกเกด, บลูเบอร์รี่, แบล็กสตรอเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, องุ่น, เชอร์รี่มีส่วนช่วยในการปกป้องเซล์สมอง ปลาแซลมอนและปลาทูน่ามีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ และถั่วซึ่งมีปริมาณวิตามินอีสูงนอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีสำหรับสมองอีกด้วย

 

5. เพิ่มระดับพลังงานในตัว

คนส่วนใหญ่หันไปหาที่พึ่งจากน้ำตาลหรือคาเฟอีนสำหรับการเพิ่มพลังงานในตัว พลังงานเร่งด่วนเหล่านี้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้มีการตอบสนองต่ออินซูลิน และทำให้เกิดความผิดพลาด ส่งผลให้คุณรู้สึกแย่มากกว่าเดิม ยิ่งกระบวนการมากขึ้น สารอาหารจะยิ่งน้อยลงจนกระทั่งปราศจากสารอาหาร ถึงขั้นนี้ร่างกายจะไม่รู้สึกถึงการถูกกระตุ้นตลอดทั้งวัน การเพิ่มระดับพลังงานในตัวที่มีประสิทธิภาพ คือการรับประทานอาหารให้ช้าลงเพื่อที่จะมีการปล่อยระดับน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม ทำได้โดยการรวมโปรตีนและเส้นใย อย่างเช่น  ข้าวโอ้ต และผลไม้  โยเกิร์ต และผลไม้ ชีส และ แครกเกอร์ แอปเปิ้ลและเนยถั่ว ชีสกับผัก หรือ ครีมกับผัก เป็นต้น

 

6. ช่วยในการนอนหลับพักผ่อน

วิตามินและแร่ธาตุที่พบในอาหารนอกจากจะช่วยให้ร่างกายของคุณสามารถควบคุมการทำงานของฮอร์โมนตลอดทั้งวันยังส่งเสริมการนอนหลับในเวลากลางคืนได้ดีอีกด้วย การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะทำให้ระบบประสาททำงานอย่างเป็นปกติและกระตุ้นการตอบสนองของฮอร์โมนที่ช่วยให้คุณพักผ่อนได้ดีในเวลากลางคืน เป็นที่รู้จักกันดีที่เกิดขึ้นระหว่างการอดนอนและอัตราโรคอ้วนพุ่งสูงขึ้นเป็น การนอน 7-9 ชั่วโมง จะทำให้ร่างกายของคุณมีเวลาเพียงพอในการสร้างกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ได้อย่างตรงจุด และสามารถเพิ่มพลังงาน  ไม่มีคำอื่นใดนอกจาก การรับประทานอาหารที่สะอาด การพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีกว่า

 

www.flickr.com/photos/foodswings/4590404802/

5 ชนิดของอาหารที่ทำให้เกิดสิว ที่คุณต้องรู้

fast-foods-1
Source: Flickr (click image for link)

ถ้าพูดถึงเรื่องของสิวๆ ที่เขาบอกว่าสิวนั้นเกิดขึ้นจากการที่คุณล้างหน้าไม่สะอาดพอ หรือเพราะฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากรูขุมขนมากจนเกินไปแล้ว หลายๆ คนที่กำลังสงสัยจนกลายเป็นก่อให้เกิดความเป็นกังวลว่าทำไมสิวถึงได้ขึ้นตามบนใบหน้าของเราหนักหน่วงนัก ทั้งๆที่ก็นอนหลับผักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว รักษาความสะอาดตามใบหน้าก็แล้ว ไหนจะไม่ได้มีปัญหาเรื่องของการใช้ครีมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ก่อเกิดสิวเลยซักนิด แต่ก็ยังจะเป็นสิวอยู่นั่น  หากยังสงสัยกันอยู่ละก็ว่าทำไมถึงมีสิว วันนี้เรามีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้นั้นก็คือ อาหารที่เรารับประทานกันอยู่เป็นประจำนั้นเอง แล้วรู้รึเปล่าว่าอาหารการกินนั้นเป็นส่วนมีผลทำให้การหลั่งไหลของสารไขมันนั้นขับออกมามากเกินกว่าที่กำหนดเอาไว้ จนเป็นเหตุให้เกิดการอุดตันของสิว เพราะงั้นวันนี้  HealthGossip จึงอยากมาพูดถึงอาหารต้องห้ามที่ทำให้เกิดสิว ใครที่ลองรักษาสิวยังไงก็ไม่หายสักที ลองมาดูเรื่องอาหารการกินสักหน่อย เพราะการกินอาหารที่ไปกระตุ้นการเกิดสิวนั้น อาจจะเป็นสาเหตุที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้ เพื่อเป็นแนวทางที่ดีที่คุณๆจะได้ศึกษาแล้วลดลงปริมาณการรับประทานอาหารชนิดนั้นลง

 

5 ชนิดของอาหารที่ทำให้เกิดสิว

 

1.ขนมปัง มันฝรั่งทอด เบเกอร์รี่ทุกชนิด

อาหารที่มีส่วนประกอบหลักที่เป็นแป้งกับน้ำตาลนี่ไม่ควรกินอย่างยิ่ง เลี่ยงได้ขอให้เลี่ยงเลยแม้จะทำใจยากซักหน่อยแต่ก็ปรับให้น้อยลง เพราะการที่เรากินน้ำตาลเยอะๆจะทำให้เซลล์ผิวของเราเกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เกิดไขมันไปอุดตันที่ผิวหนังได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้เวลาที่เรากินพวกขนมปัง ของทอดๆ มันฝรั่งกรุบกรอบ แล้วสิวชอบขึ้นแถมรักษาไม่ค่อยหายก็เพราะสาเหตุนี้นั่นเองค่ะ หรือง่ายๆว่า อาหารที่มีรสชาติหวานที่ใส่น้ำตาลเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผัก น้ำผลไม้ น้ำหวานน้ำอัดลม รวมไปถึงขนมหวานทั้งหลาย หรืออาหารที่ทำจากแป้ง เช่นขนมขบเคี้ยว ขนมปัง

 

2.ขนมหวาน ช๊อคโกแลต ขนมเค้ก

เป็นอาหารที่อดใจกินได้ยากจริงๆ แต่ละอย่างทั้งหอม หวาน มัน อร่อยลืมอ้วนกันไปเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่มันหวานนี่แหละที่จะทำให้สิวผุดขึ้นมาบนหน้าได้อย่างง่ายดาย เพราะเมื่อร่างกายเราได้รับน้ำตาลในปริมาณมาก มันจะไปสร้าง “อินซูลิน” เพื่อมาลดระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ ซึ่งการสร้างอินซูลินนี้มันมีผลทำให้ผิวหน้าเราสร้างไขมันเพิ่มขึ้น เมื่อมีความมันเพิ่มขึ้นก็อาจทำให้ผิวอุดตัน เกิดเป็นสิวได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เราถึงควรงด อาหาร ขนม ของหวานทุกชนิดหากต้องการลดการเกิดสิว

 

3.นมวัว

เห็นไม่ผิดหรอกค่ะ และหลายคนก็คงจะแปลกใจว่านมเนี่ยนะ ก็เพราะว่าในนมวัวจะมีสารฮอร์โมนหลายชนิดซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากวัวเอง หรือเป็นฮอร์โมนที่วัวได้รับจากการเลี้ยง ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะไประตุ้นการเกิดสิว อีกทั้งนมวัวเป็นโปรตีนที่ย่อยยาก ทำให้เกิดการหมักหมมในกระเพาะอาหารและทำให้การเจริญเติบโตของยีสต์ เมื่อมีเพิ่มมากขึ้น ก็จะไปกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันได้ง่ายมากขึ้นนั้นเอง โดยเราสามารถเลือกรับประทานไข่ เต้าหู้ ถั่วต่างๆ ปลาตัวเล็ก และเนื้อสัตว์เพื่อทดแทนโปรตีนและแคลเซียมจากนมได้ค่ะ

 

4.อาหารฟาสฟู้ดส์ (Fast foods) อาหารที่มีไขมันสูง

อาหารที่มีไขมันสูงแบบตะวันตก คนหลายๆคนอาจจะเชื่อกันว่าการกินไขมันมากๆก็จะสามารถทำให้เกิดการมันของใบหน้าตามไปด้วยแล้วจะทำให้เกิดสิว แต่ทว่ากลไกที่แท้จริงแล้วมันกลับไม่ได้ตรงไปตรงมาแบบนั้น เพราะเป็นที่สังเกตกันว่า สภาวะของโรคสิวในสังคมตะวันตกจะมีมากกว่าสังคมตะวันออกอย่างชัดเจน โดยพบว่าเมื่อคนแถบเอเชียย้ายไปอยู่ในทางตะวันตก หรือกินอาหารแบบตะวันตก ก็มีการเกิดสิวมากขึ้น กลไกที่ทำให้เกิดสิวในอาหารแบบตะวันตกที่สำคัญ ก็คือไขมันที่ใช้ในอาหาร โดยไขมันที่ใช้ในอาหารแบบตะวันตกมักจะเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า6 ที่พบมากในน้ำมันพืชหรือน้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธีอย่างเช่นพวกมาการีนหรือเนยเทียม ซึ่งกรดไขมันกลุ่มนี้สามารถชักนำให้ร่างกายสร้างสารที่ก่อการอักเสบเพิ่มขึ้น ทำให้หากมีสิวก็จะเกิดเป็นสิวอักเสบมากขึ้น  ดังนั้นหากมีสิว วิธีที่น่าลองอีกอย่างหนึ่งก็คือหลีกเลี่ยงอาหาร Fastfood ทั้งหลายดู รวมไปถึงอาหารไทยๆแบบผัดหรือทอดน้ำมันพืชเยิ้มๆ

 

5.เหล้า เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็น เหล้า เบียร์นั้นเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดสิวได้เป็นอย่างดี เพราะแอลกอฮอร์นั้นเมื่อเข้าสู่ร่างกายมันก็จัดเป็นสารพิษที่ร่างกาย โดยสาเหตุนั้นเกิดจาก ยีสต์เติบโตและเกิดเป็นท็อกซินเป็นของเสียในร่างกายและกระตุ้นทำให้เกิดสิวได้ง่ายๆ  ต้องกำจัดออกไปโดยเร็วที่สุด ส่วนใหญ่ก็จะออกไปทางปัสสาวะ แต่แอลกอฮอร์ไม่ได้ออกไปอย่างเดียว น้ำในร่างกาย ในผิวของเราก็ออกไปด้วย ทำให้เวลาที่เราดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์มากๆเราจะรู้สึกว่าคอแห้ง ต้องการดื่มน้ำ เมื่อผิวของเราขาดน้ำร่างกายก็เลยขาดความสมดุลสารพิษก็ตกค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้เกิดการขับถ่ายของเสียออกทางผิวหนัง จึงเกิดเป็นสิวออกมาให้เราได้เชยชมกัน

 

จริงๆแล้วปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวนั้นอาจมีมากมายหลายพันแปด แต่เรื่องอาหารการกินนั้นก็เป็นปัจจัยหลักๆที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน บางครั้งเรามัวแต่ไปรักษาจากภายนอกซะมากกว่า ซึ่งนั่นอาจเป็นการรักษาสิวที่ปลายเหตุ ซึ่งการรักษาแบบนี้อาจไม่ทำให้สิวหายอย่างยั่งยืนได้ หยุดใช้ก็อาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก กลับมาดูต้นเหตุของปัญหากันดีกว่าเนอะ ไม่แน่นะปัญหาสิวที่จัดการไม่ได้สักทีเนี่ยอาจจะจัดการได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการกินก็ได้ใครจะรู้ และก็หวังว่าความรู้วันนี้จะเป็นแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารกันได้นะคะ

 

www.flickr.com/photos/vilseskogen/4758320476/